เน็ตไอดอล โพสต์รีวิว กะเพรากุ้ง 3 ตัว 230 แพงไปไหม สุดท้าย ถูกฟ้อง 5 ล้าน !

เน็ตไอดอลสาว ช็อก โพสต์รีวิว อาหารรีสอร์ต กระเพรากุ้งราคา 230 บาท กลับได้น้อยนิด ช็อกอีก สั่งข้าวต้ม แต่ได้ข้าวต้มมด ซ้ำร้าย ทางรีสอร์ตฟ้องกลับ เรียกเงิน 5 ล้าน !

 

 

             วันที่ 20 ธ.ค. 65  เหมือนฝัน นิ่มอวยชัย (ดรีม) ลูกค้าที่ถูกรีสอร์ตฟ้องร้อง ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนไปพักรีสอร์ตดังกล่าว 2 วัน เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 64 ในช่วงดึกแล้ว เลยสั่งอาหารกับทางรีสอร์ต เป็นเมนู กระเพรากุ้ง ซึ่งมันก็มาน้อยกว่าปกติ แต่ตนก็คิดว่าเป็นเพราะมันดึก ครัวอาจจะไม่พร้อม ขณะที่ค่าอาหารนั้นเซ็นบิลไว้ รอจ่ายตอนเช็กเอาท์ พอถึงวันที่ 5 ก.ย. ตนออกไปทานอาหารเช้าปกติ ซึ่งตนเป็นคนไม่กินสัตว์ใหญ่ กินแค่กุ้งกับปูเป็นหลัก แล้วในอาหารเช้ามันไม่มี เลยกินแค่กาแฟ เป็นเพื่อนแฟน หลังจากนั้น พอเซอร์วิสเปิด ตนเลย สั่งข้าวต้มกุ้งมากิน ในราคา 230 บาท พอได้ของก็ตกใจมาก เพราะมันน้อยมากกับราคานี้ ที่สำคัญคือ ข้าวต้มหมูที่สั่งมาให้แฟน และข้าวต้มกุ้งของตน กลายเป็นข้าวต้มมด เพราะมดอยู่ชามเต็มไปหมด 

 

 

             ตนเลยแจ้งพนักงาน ว่ามันมีมด เขาเลยจะทำเมนูมาให้ใหม่ ตนเลยสั่งเป็นกระเพรากุ้งเหมือนวันแรก ซึ่งก็ได้น้อยเหมือนเดิม ทำให้คิดได้ว่าเป็นมาตรฐานของเขา ตนเลยโพสต์รีวิวลง TikTok เหมือนคนทั่ว ๆ ไป จากนั้นคลิปก็กลายเป็นไวรัล ทั้งนี้ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาคุยกับเรา เรื่องคลิป หรือมาขอโทษเราแบบเป็นทางการ ยังบริการตามปกติ จนกระทั่งเช็กเอาท์ ตนให้แฟนไปเช็กเอาท์ เขาก็คิดเงินค่าอาหารทุกมื้อ ยกเว้นมื้อที่มีมด กระทั่ง วันที่ 6 ก.ย. 64 รีสอร์ตทำหนังสือชี้แจง และแจ้งว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด สุดท้ายวันที่ 5 ส.ค. 65 ตนได้รับหมายศาล ถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท 

 

             ตนรู้สึกว่าเขาแก้เกมตน ตอนที่ถูกฟ้องแล้ว เพราะในหมายคำฟ้องของเขา เขาบอกว่า เรายังคงโพสต์คลิปทั้งที่เขาไม่ได้คิดเงินค่าอาหาร ซึ่งตามจริง คลิปมันได้ถูกโพสต์ออกไปก่อนที่จะไปเช็กเอาท์แล้ว ก่อนที่จะรู้เรื่องว่าเขาไม่คิดเงิน ขณะที่เจตนาตน ก็ไม่ได้เอาคลิปดังกล่าวไปปักหมุด กลับกัน ตนลบคลิปออก โดยที่ไม่ได้มีทางรีสอร์ตติดต่อเลย ลบก่อนที่จะถูกหมายฟ้องด้วยซ้ำ ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายเขา เราแค่พูดไปตามความเป็นจริง แต่เป็นพวกสื่อที่เอามาขุดกันเอง 

 

             สำหรับความรู้สึกของตน หลังถูกฟ้อง ตนรู้สึกว่าทำไม เขาถึงไม่เลือกที่จะขอโทษลูกค้าแบบจริงจัง ทั้งที่ตนก็ยังไม่ได้ไปเรียกร้องอะไรเลย ยังไม่ได้บอกเลยว่าข้าวต้มเขาไม่สะอาด หรือไปร้องเรียนกับ สคบ. ว่าอาหารเขาแพงเลย ทำให้รู้สึกว่าเขาใจร้ายจัง ทั้งที่ตนไปใช้บริการตามปกติ และใคร ๆ เขาก็ทำกัน จริง ๆ แล้วมันง่ายมาก แค่เขาเข้ามาขอโทษแบบจริงใจก็พอ มันสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ เช่น ตนก็รีวิวว่าได้รับการแก้ปัญหาอย่างไร ขณะเดียวกัน ยังยืนยันว่าจะรีวิวต่อไป  

 

"ดรีมรู้สึกว่า เจ้าของควรจะฟังลูกค้าบ้าง เขามามุ่งที่ดรีมคนเดียวเลย ว่าทำให้เขาเสียหาย แต่เขาไม่มองสิ่งที่เขาทำว่ามันทำตัวเขาเองเสียหายหรือไม่" เหมือนฝัน กล่าว

 

 

             ด้าน ภานุมาศ จิตรวศินกุล (เฮียเปี๊ยก) เจ้าของเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย เล่าว่า พอตนได้รับเรื่องจากคุณดรีม ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผล ในขณะที่ใบคำฟ้องเขาเรียกเงินมาตั้ง 5 ล้านบาท อีกทั้งฝั่งรีสอร์ตยังออกเบี้ยปรับฝั่งคุณบีมอีกวันละ 10,000 บาท ตนเลยเข้ามาช่วยเหลือเขา ช่วยประสานไปยังทนายโนบิ เข้าช่วยเหลือ วันที่ 26 ธ.ค. 65 จะเป็นวันนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งแรก 

 

             นอกจากนั้น มีคนไปขุดเรื่องราวของรีสอร์ตกังกล่าวจนกลายเป็นกระแส เลยมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับข้อมูลมาว่า รีสอร์ตดดังกล่าว สร้างบนที่ดินที่ไม่ได้รับอนุญาต และได้เช็กไปที่อำเภอ เช็กเรื่องการขออณุญาตประกอบกิจการถูกต้องหรือไม่ สรุปว่าไม่มีการขออณุญาต ที่สำคัญ มันมีคำสั่งจากกรมการปกครอง ให้ระงับการก่อสร้าง และมีเรื่องการระงับใช้อาคารด้วย อีกทั้งมีคำสั่งให้รื้อถอนตั้งแต่ปี 63 จึงเกิดคำถามขึ้นว่าทำไมเขาถึงยังเปิดกิจการได้ปกติ 

 

 

             ฟาก นิติธร แก้วโต ทนายความ ให้ความเห็นว่า ในฐานะที่คุณดรีมเป็นผู้บริโบค มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง เราสามารถวิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ โดยสุภาพ สุจริต กฎหมายจะคุ้มครองทันทีเลยว่าไม่ผิด ส่วนอีกฝ่ายเขาจะใช้สิทธิ์ทางศาลก็เรื่องของเขา เขามีสิทธิ์ที่จะฟ้อง จะชนะหรือเปล่ากอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องเงิน 5 ล้านที่เขาเรียกมา สามารถเรียกได้ อยู่ที่ว่าเขาสามารถพิสูจน์ได้ไหมว่ามูลค่าความเสียหายมันเป็นไปตามที่เขาเรียกมาหรือไม่ ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ศาลก็จะกำหนดขึ้นตามความเหมาะสม จากประสบการณ์ของตน ตนฟันธงว่ายกฟ้อง ศาลอาจจะไม่รับฟ้องด้วย 

 

             ทั้งนี้ ทางทีมงานพยายามติดต่อโฟนอิน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทางรีสอร์ต แต่ทางรีสอร์ตแจ้งว่ายังไม่สะดวกโฟนอิน และให้ข้อมูลกับทางทีมงานมาว่า การที่ลูกค้าโพสต์แบบนั้นทำให้รีสอร์ทได้รับความเสียหาย และทำให้เสียชื่อเสียง โดยทางรีสอร์ตถูกโซเชียลโจมตีทุกช่องทาง มีลูกค้ายกเลิกที่พักไปค่อนข้างเยอะ ซึ่งเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบระยะยาว ถึงแม้เวลาจะผ่านไปเป็นปีก็ยังคงมีคนพูดถึง

 

             ส่วนเรื่องของการไกล่เกลี่ย ยังไม่ขอไกล่เกลี่ยตอนนี้ หากศาลพิจารณาให้ไกล่เกลี่ยก็ค่อยมาว่ากันอีกที ถึงอย่างไรทางรีสอร์ทก็ยังยืนยันที่จะดำเนินคดีต่อไป ให้เป็นเรื่องของศาล เพราะตอนนี้คดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว และหากทางคู่รู้สึกว่าตนไม่ได้รับความยุติธรรม อยากจะร้องเรียน ก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้เลย