พ่อค้า-แม่ค้า ร้องสื่อ ลงทุนต่อเติมร้านไป 2 แสน แต่เจ้าของที่เอาเปรียบ ฉีกสัญญาเช่าที่ พอจะย้ายออก กลับไม่ให้เอาของในร้านไป ขู่ด้วยสัญญา ทนายเผย เคสแบบนี้ เป็นโมฆะ !
วันที่ 16 ธ.ค. 65 ช้าง ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเช่าที่ดังกล่าวในราคา 15,000 บาท/เดือน ซึ่งร้านจะมีลักษณะหน้าร้านโล่ง เลยลงทุน 200,000 บาทเพื่อต่อเติมร้าน กั้นผนัง ติดประตูอัตโนมัติ และติดแอร์ โดยเจ้าของที่เขารับรู้มาตลอดว่าตนต่อเติมอะไรบ้าง เขาก็ไม่ได้มาขัดอะไร จนกระทั่งได้เริ่มขายของเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 65 แต่มามีประเด็นเรื่องที่จอดรถกันเมื่อ 9 ธ.ค. 65 ทั้งที่ตอนแรกเจ้าของที่บอกให้ตนจอดรถตรงไหนก็ได้
มีประเด็น เนื่องจาก ตนได้เลื่อนรถไปจอดที่หน้าร้านของลูกเจ้าของที่ ไม่นาน เขาก็เดินมาบอกตน ด้วยอารมณ์โกรธ ว่าให้ตนย้ายรถ ไม่ให้จอดหน้าร้านเขา ให้ตนไปจอดหน้าร้านของตน แต่ร้านของตนมันไม่ใช่ที่จอดรถ ก็ต้องจอด จนกลายเป็นปัญหายกเลิกสัญญาเช่าที่ขึ้น โดยเขาเป็นคนขอยกเลิกสัญญา บอกว่าตนเป็นคนสร้างปัญหา เลยไม่ต่อสัญญาตน
ด้าน ป็อป ผู้เสียหาย กล่าวว่า พอถูกยกเลิกสัญญา ตนก็ต้องย้ายออก แต่ฝั่งเจ้าของที่เขาไม่ให้เอาของภายในร้านไป ทั้งที่เป็นของที่ตนลงทุนตกแต่งเอาไว้ พร้อมทั้งข่มขู่ด้วยสัญญาที่เซ็นกัน ซึ่งในสัญญาระบุว่า "ไม่ให้เอาทรัพย์สินที่ติดตรึงตรากับพื้นที่เช่า ออกไปเลย" แม้แต่แอร์ตนก็เอาไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ฝั่งตนได้ทักท้วงเรื่องสัญญาข้อดังกล่าวตั้งแต่ทีแรก ซึ่งได้คำตอบจากฝั่งเขามาว่า สามารถรื้อถอนออกได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน ถ้าเขาให้เอาของออก ตนก็ยินดีจะจบ
ฟาก อุ้ย ผู้เช่ารายเก่า เผยว่า ตนออกจากที่เช่าดังกล่าวประมาณ 5 เดือนก่อน โดยฝั่งเจ้าของที่ เขาเชิญให้ออกโดยที่ยังไม่หมดสัญญา บอกตนว่า "มึงมันตัวปัญหา" เพราะร้านตนลูกค้าค่อนข้างเยอะ แต่ว่าทางเจ้าของที่เขาเป็นคนชวนตนมาทำร้านกับเขา ควรจะรู้อยู่แล้วว่าร้านตนเป็นยังไง นอกจากนี้ เจ้าของที่ พฤติกรรมที่ไม่ได้ซัพพอร์ทตนเท่าไหร่ อย่างเช่น ถ้าคนที่ร้านเยอะเขาก็จะปิดน้ำ ให้ใช้น้ำไม่ได้ ลูกค้าจะได้ไม่เข้า หรือบางทีก็ไม่ให้ตั้งโต๊ะหน้าร้าน อีกทั้งยังมาบีบแตรไล่ลูกค้าด้วย
ขณะเดียวกัน ตอนถูกให้ออกจากที่เช่า เขาก็ไม่ให้ตนเอาของในร้านออก แต่ตนเอาออกมาโดยที่ไม่ฟังเสียงเขาเลย จนทุกวันนี้ถูกเขาตามทวงเงินค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งจริง ๆ แล้วเงินประกันของตนก็ยังคงเหลืออยู่
ด้าน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า สัญญาเช่าดังกล่าวเป็น "สัญญาสำเร็จรูป" ซึ่งผู้ให้เช่ากระทำการลักษณะเอาเปรียบผู้เช่า ซึ่งมันจะมี พ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ระบุว่า ถ้าสัญญาทำให้อีกฝ่ายต้องรับภาระแบกหนักกว่าเกินสมควรจะถือว่าเป็นโมฆะ อีกทั้งตัวผู้ให้เช่าเขารับรู้รับทราบอยู่ตลอดว่าเราต่อเติมอะไรบ้าง ดังนั้นให้รวบรวมหลักฐานนำคดีนี้ฟ้องต่อศาลแพ่ง เรียกค่าเสียหายทั้งหมดที่เราได้จ่ายไป
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35