พ่อค้าสุดจะงง ถูกเจ้าของที่ บอกเลิกสัญญาเช่า ครั้นจะย้ายออก ดันมาห้ามไม่ให้เอาทรัพย์สินตัวเองกลับ แม้แต่แอร์ก็เอาไปไม่ได้ ขู่ด้วยสัญญา ช้ำใจหนัก ลงทุนไปกว่า 2 แสน !
วันที่ 16 ธ.ค. 65 ช้าง ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนเลือกที่จะเช่าที่ดังกล่าว เพราะต้องการลดขนาดของร้าน และลดค่าเช่าที่ลงมา ตกลงค่าเช่าที่กันที่ 15,000 บาท โดยพื้นที่ ที่เช่า หน้าร้านจะเปิดโล่ง ตนต้องมาทำผนังกั้นเพื่อติดแอร์
ด้าน ป็อป ผู้เสียหาย กล่าวว่า สิ่งที่ตนต่อเติมเพิ่ม คือ กั้นข้างหน้าร้านทั้งหมด ติดกระจก ติดประตูอัตโนมัติ ติดแอร์ข้างใน ติดเครื่องดูดอากาศในร้าน ต่อเติมเองทั้งหมด หมดเงินลงทุนไปประมาณ 200,000 บาท ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งเจ้าของที่ว่าจะก่อสร้างเพิ่ม แถมเจ้าของที่เขามายืนดูตลอด แล้วเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร จากนั้นวันที่ 7 ม.ค. 65 ก็ได้เริ่มเปิดร้าน ขายของ
จากนั้นมามีประเด็นเรื่องที่จอดรถ โดยตอนแรกตนได้บอกกับทางเจ้าของที่ จะให้ตนจอดรถได้ตรงไหน ซึ่งเขาก็บอกว่าสามารถจอดได้ทั้งหมดในบริเวณนั้น โดยบริเวณนั้นมีที่จอดหน้าร้านค้าต่าง ๆ ประมาณ 8 ที่ และเขาบอกอีกว่า ถ้าจอดไม่ได้ ให้ไปจอดที่หน้าร้านของลูกเขา เพราะลูกเขาเอารถไปจอดที่อื่น
คุณ ช้าง เล่าต่อว่า เรื่องที่จอดรถมามีประเด็นกันเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 65 เนื่องจาก ตนได้เลื่อนรถไปจอดที่หน้าร้านของลูกเจ้าของที่ แต่พอเขามาเปิดร้าน เขาก็เดินมาบอกตน ด้วยอารมณ์โกรธ ว่าให้ตนย้ายรถ ไม่ให้จอดหน้าร้านเขา ตนก็งงว่าทำไมเขาถึงโกรธขนาดนั้น เพราะก็ไม่ได้เคยมีการแจ้งเตือนมาก่อน ตนจึงถามว่าให้ตนไปจอดตรงไหน เขาก็บอกให้ตนไปจอดหน้าร้านของตนเอง แต่ทว่าหน้าร้านของตนมันไม่ใช่ที่สำหรับจอดรถ มันติดถนน แต่ก็ต้องจอด
จากนั้นเลยกลายเป็นปัญหายกเลิกสัญญาขึ้น โดยเขาเป็นคนขอยกเลิกสัญญา บอกว่าตนเป็นคนสร้างปัญหา เลยไม่ต่อสัญญาตน ทั้งที่ลูกเจ้าของที่เขาเพิ่งจะส่งข้อความมาถามว่าจะต่อสัญาหรือไม่ แต่ฝั่งตนยังไม่ทันได้ตอบ เขาก็ไม่ต่อสัญญาซะก่อน
คุณ ป็อป กล่าวต่อว่า พอเขายกเลิกสัญญา ตนก็ต้องย้ายออก แล้วก็ต้องการเอาของที่ตนตกแต่งไว้ทั้งหมดออกไปด้วย แต่ฝั่งเจ้าของที่เขาไม่ให้เอาไป ผู้เช่ารายเก่าเขาก็ไม่ให้เอาไปเช่นกัน พร้อมทั้งข่มขู่ด้วยสัญญาที่เซ็นกัน ซึ่งในสัญญาระบุว่า "ไม่ให้เอาทรัพย์สินที่ติดตรึงตรากับพื้นที่เช่า ออกไปเลย" แม้แต่แอร์ตนก็เอาไปไม่ได้ ตนได้ปรึกษาทนาย และอัยการหลายท่าน เขาก็บอกว่ามันเป็นสัญญาที่ค่อนข้างแปลก อย่างไรก็ตาม ฝั่งตนได้ทักท้วงเรื่องสัญญาข้อดังกล่าวตั้งแต่ทีแรก ซึ่งได้คำตอบจากฝั่งเขามาว่า สามารถรื้อถอนออกได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน ถ้าเขาให้เอาของออก ตนก็ยินดีจะจบ
ฟาก อุ้ย ผู้เช่ารายเก่า เผยว่า ตนออกจากที่เช่าดังกล่าวประมาณ 5 เดือนก่อน โดยฝั่งเจ้าของที่ เขาเชิญให้ออกโดยที่ยังไม่หมดสัญญา บอกว่าตนไม่เหมาะกับตึกเขา อีกทั้งบอกว่า "มึงมันตัวปัญหา" เพราะร้านของตนค่อนข้างคนเยอะ ทั้งที่เขาเป็นคนชวนเรามาเปิดร้านในที่ของเขา เขาควรจะรู้ว่ารูปแบบร้านของตนเป็นอย่างไร ซึ่งในระหว่างที่เช่านั้น เจ้าของที่มีพฤติกรรมที่ไม่ได้ซัพพอร์ทตนเท่าไหร่ อย่างเช่น ถ้าคนที่ร้านเยอะเขาก็จะปิดน้ำ ให้ใช้น้ำไม่ได้ ลูกค้าจะได้ไม่เข้า หรือวันดีคืนดี ให้ตั้งโต๊ะหน้าร้าน แต่พอลูกค้าเยอะก็ไม่ให้ตั้ง ขับรถมาบีบแตรใส่ไล่ลูกค้าตนบ้าง
ทั้งนี้ ตนลงทุนตกแต่งร้านไปประมาณ 300,000 กว่าบาท ซึ่งจริง ๆ แล้วเจ้าของที่เขาไม่ได้ให้เอาของในร้านออก แต่ตนรีบเอาอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกมาก่อน เอาออกมาทั้งหมด โดยที่ไม่ได้ฟังเสียงเขาเลย หลังจากออกจากที่เช่า เขาก็ยังโทรมาตามด่า ตามทวงเงินค่าน้ำค่าไฟ ใช้คำพูดหยาบคาย ซึ่งจริง ๆ แล้วตนถูกออกโดยที่ยังไม่หมดสัญญา แล้วเงินประกันก็ยังเหลืออยู่
ด้าน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า เคสแบบนี้ ผู้เสียหาย ไม่ต้องไปกลัวเลย เพราะสัญญาเช่าดังกล่าวเป็น "สัญญาสำเร็จรูป" ซึ่งผู้ให้เช่ากระทำการลักษณะเอาเปรียบผู้เช่า ซึ่งมันจะมี พ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ระบุว่า ถ้าสัญญาทำให้อีกฝ่ายต้องรับภาระแบกหนักกว่าเกินสมควรจะถือว่าเป็นโมฆะ อีกทั้งตัวผู้ให้เช่าเขารับรู้รับทราบอยู่ตลอดว่าเราต่อเติมอะไรบ้าง ดังนั้นให้รวบรวมหลักฐานนำคดีนี้ฟ้องต่อศาลแพ่งพระขโนง เรียกค่าเสียหายทั้งหมดที่เราได้จ่ายไป ให้ผู้ให้เช่าเขาเลือกเอา ว่าจะคืนทรัพย์สินของเราดีดี หรือจะจ่ายเงินที่เราได้ลงทุนไป
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35