หนุ่มร้อง ถูกดารารุ่นใหญ่ ชนแล้วหาย ไม่หนี ไม่จ่าย แถมจ่อแจ้งความกลับ !

หนุ่มใหญ่ร้อง ถูกดารารุ่นใหญ่ ช่องมากสี ชนแล้วหนี ไม่ยอมติดต่อกลับ ตำรวจเรียกก็ไม่มา แถมขู่จะฟ้องกลับ ฝั่งดารา โต้ จริง ๆ แล้วประมาทร่วม !?  

 

 

              วันที่ 13 ธ.ค. 65 สุพร ดิษฐเล็ก (อ๊อด) ผู้บาดเจ็บ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตอนแรกตนขับรถมอเตอร์ไซค์อยู่เลนซ้ายสุด แต่สังเกตุเห็นว่าข้างหน้ามันมีทรายอยู่ ตนก็กลัวว่ารถจะล้ม เลยขับเบี่ยงขวาเปลี่ยนเลน ซึ่งก็เข้าเลนเต็มตัวแล้ว จากนั้นรถคู่กรณีเขาก็ขับมาจากเลนฝั่งขวา เบี่ยงเข้ามาชนตนจากฝั่งขวา เหมือนจะเกี่ยวกับท่อไอเสียรถ หรือป้ายทะเบียน ตนคิดว่าเขารู้ตัวว่าขับชน เพราะเขาเบรก แต่เขาก็ยังขับออกไปต่อ เลยไป 2 กิโลเมตร ซึ่งได้พลเมืองดี ดักคู่กรณีไว้ พอตนไปเจอเขา คำแรกที่เขาพูดคือ อย่าแจ้งความ เขาไม่อยากเป็นข่าว เพราะเขาเป็นดารา มีอะไรเขาจะรับผิดชอบทั้งหมด ได้ยินแบบนั้นตนก็สบายใจ จึงได้ฝากข้อมูลติดต่อกันไว้ ตนก็เชื่อว่าเขาจะรับผิดชอบ เพราะเขาก็เป็นดาราด้วย ตนเลยไปโรงพยาบาล 

 

 

              ขณะที่ความเสียหายรถ ป้ายทะเบียนหัก และท่อไอเสียเบี้ยว แถบขวาถลอกทั้งหมด ส่วนอากการบาดเจ็บ มีบาดแผลถลอกทั่วร่างกาย ข้อมือซ้ายบวม ตอนนี้ยังใช้งานไม่ได้ ผิวหนังบริเวณข้อศอกขวาฉีกจนเห็นกระดูก ต้องเย็บ 8 เข็ม และนิ้วโป้งเท้าซ้ายฉีกเย็บ 6 เข็ม 

 

 

              ด้าน ประทุมพร ดิษฐเล็ก (เตี้ย) ภรรยาของผู้บาดเจ็บ เผยว่า หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ตนอยู่โรงพยาบาลกับแฟน เวลาประมาณ 23.00 น. คู่กรณีเขาก็ยังไม่โทรติดต่อมา ตนเลยให้ลูกโทรติดต่อเขาไป บอกว่าค่าใช้จ่ายการรักษาตอนนี้ 2.5 หมื่นบาทแล้ว เขาพูดตอบกลับมาว่า ทำไมต้องไปเข้าโรงพยาบาลเอกชน ไม่เข้าโรงพยาบาลรัฐฯ หัวหมอจะเรียกเงินเขาหรอ ถ้าอยากได้เงินก็ไปฟ้องเอา และยังขู่ตนอีกว่า ตนไปกล่าวหาเขา เขาจะฟ้องกลับว่าฝ่ายตนขับรถชนแล้วหนี ฝั่งของตนเลยดำเนินการแจ้งความเลย 

 

              คุณ สุพร ดิษฐเล็ก กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุ คู่กรณีปิดเครื่องโทรศัพท์ ไม่รับสาย ติดต่อไม่ได้ ทางตำรวจพยายามเรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ย 5 ครั้ง แต่ 3 ครั้งแรกเขาไม่มา จนถูกตำรวจขู่ว่าจะออกหมายจับ ถึงจะยอมมา ขณะเดียวกัน ตอนเจอกันที่โรงพักเขาก็ไม่มาคุย ส่งเพื่อนมาแทน ส่วนตอนที่ยังรักษาตัวอยู่ ก็ไม่เคยมาถามไถ่เลย ว่าเป็นอย่างไรบ้าง 

 

 

              ฟาก ธรรมศักดิ์ สุริยน ดาราที่ถูกกล่าวหาว่า ขับรถชน เล่าว่า ตนอยากให้เคสของตนเป็นกรณีศึกษา พอเป็นดาราขับรถชนแล้วหนี พาดหัวข่าวกันใหญ่โต ซึ่งถ้าตนหนีจริง ๆ คงไม่ได้เจอเขาในที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ มันเป็นเหตุการณ์ต่างคนต่างออกมาชนกัน ตนไม่ได้ชนแล้วหนี ถ้าชนจริง เขาคงตายไปแล้ว ส่วนอีกฝั่งก็โทรมาหาตนใส่อารมณ์ บอกว่า ตนขับรถเมาหรือเปล่า กล่าวหาตน ทั้งที่จริงตนไม่ได้เมา ขณะเดียวกัน ตอนนั้น ตนไม่รู้ว่าตอนนั้นชนเขา เพราะมันเฉี่ยวนิดเดียว ยืนยันว่าตนไม่ได้ชนแล้วหนี 

 

              สำหรับค่าเสียหาย ตนมีประกัน พ.ร.บ. เขาก็ออกให้ทั้งหมด ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ คู่กรณีบอกราคาซ่อมทั้งหมด 2.2 หมื่น ตนยังไม่เห็นบิลเลย แต่ไม่ว่ากัน ตนคิดว่าทั้ง 2 อย่าง มันก็อยู่ในงบ 5 หมื่นบาท ก็น่าจะจบ แต่ฝั่งเมียเขาดันมาบอกว่าจะเรียก 1 แสนบาท เลยถามเขาไปว่า จะเรียกเอารวยเลยหรอ นอกจากนี้เขายังบอกว่าจะเอาค่าทำขวัญอีก อีกทั้งค่าขาดรายได้ เขามีรายได้วันละ 2 พันบาท อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันจะจ่ายแค่ 5 หมื่นบาท แต่ถ้าอยากได้มากกว่านั้น ให้ไปดำเนินการฟ้องเอาได้เลย 

 

"เราเป็นดารา เป็นคนบันเทิง ไม่ใช่จะทำอะไรซี้ซั้ว พูดไปก็ต้องพูดทั้ง 2 ด้าน ไม่ใช่ฟังข้างเดียว แล้วก็ไปออกทีวี" ธรรมศักดิ์ กล่าว 

 

 

              คุณ สุพร ดิษฐเล็ก กล่าวต่อว่า ค่าทำขวัญไม่เคยได้เรียกเขาเลย เรียกแค่ค่าเสียหายตามใบเสร็จ แต่เขาจะให้แค่ 5 หมื่น ทั้งที่ค่ารักษาพยาบาล ก็ประมาณ 6 หมื่นกว่าบาทแล้ว ค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์ประมาณ 2.5 หมื่นบาท ใบเสร็จตนมีทุกอย่าง ซึ่งก็ให้เขาดูตั้งแต่เจรจาที่โรงพักแล้ว 

 

              ตอนแรก สิ่งที่ตนอยากได้คือสำนึกจากเขา ว่าทำความผิดแล้วต้องรับผิดชอบ ต้องขอโทษ แต่นี่เขาไม่เคยขอโทษเลย ส่วนตอนนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเขายังไม่ยอมขอโทษ ไม่ยอมสำนึกเลย 

 

 

              ขณะที่ เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เล่าว่า เคสนี้ ตามหลักการแล้วต้องดูว่าใครใช้ทางก่อนกัน เพราะเป็นถนน 3 เลน ซึ่งตามคลิปวงจรปิดก็จะเห็นว่ารถจักรยานยนต์เขาเข้าไปในทางได้ก่อน แล้วรถยนต์จึงตามมาทีหลัง 

 

 

              ด้าน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า คดีนี้เป็นความผิดไม่อาจยอมความได้ ตามพ.ร.บ.จราจรทางบก ตนเชื่อว่าตำรวจจะแจ้งข้อหาประมาท ต่อตัวคุณธรรมศักดิ์ ส่วนที่เรียกว่าชนแล้วหนี เพราะมาตรา 78 ระบุไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือไม่ ต้องหยุดให้การช่วยเหลือตามสมควร ถ้าไม่หยุด ณ จุดเกิดเหตุ ถือว่าเป็นการหลบหนี ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2 พัน - 2 หมื่นบาท 

 

              ขณะที่ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถของคุณอ๊อด เป็นของจริง ตนเชื่อว่าหากมีการร้องต่อศาล ตนเชื่อว่าศาลจะใหจ่ายเงินส่วนนี้แน่นอน ส่วนค่าสินไหมทดแทน ค่าเสียประโยชน์อื่น ๆ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตัวคุณธรรมศักดิ์เอง ว่าจะเยียวยาไหม แต่ตนเชื่อว่าหากไม่เยียวยา โอกาสที่รอดยาก ขณะที่ฝั่งผู้เสียหาย สามารถแต่งตั้งทนายเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมได้ และเอาเอกสารหลักฐาน ให้ศาลพิพากษาในส่วนแพ่ง ไปกับคดีอาญาได้เลย