หนุ่มร้อง พ่อพระเอกดัง หลอกค้ำประกันรถ เบี้ยวจ่ายค่างวด ทำเอาเกือบโดนยึดบ้าน ! : ช็อตเด็ด ถกไม่เถียง

หนุ่มร้อง ถูก พ่อพระเอกดัง ช่องมากสี ขอให้ค้ำประกันรถ แต่ดันไม่จ่ายค่างวด แถมรถเจ้าปัญหาก็หายปริศนา ทำเอาถูกหมายศาล บังคับคดี จ่อยึดทรัพย์ จนต้องเอารถตัวเองเข้าไฟแนนซ์ จ่ายหนี้แทน !

 

 

            วันที่ 5 ธ.ค. 65 คำสิงห์ เนตรน้อย (สิงห์) ผู้เสียหาย เล่าว่า รถคันดังกล่าวเขาจะซื้อในชื่อของ พ่อ พระเอกดัง แต่คนที่ใช้จริง ๆ คือพี่ชายของพระเอกดัง ซึ่งแฟนสาวของพี่ชายได้เข้ามาขอให้ตนไปค้ำประกันให้ เมื่อปี 63 อ้างจะเอาไว้ทำงาน ซึ่งตนก็ใจอ่อน เพราะสนิทกันระดับหนึ่ง จากนั้น ต.ค. 64 มีหมายศาลมาถึงตน แจ้งว่า ครอบครัวนี้ไม่ได้ผ่อนรถต่อ ตนจึงได้ถามกับทางพ่อพระเอกว่าทำไมถึงไม่ผ่อน เขาบอกว่า  "มันไม่ใช่เรื่องของเขา" จนกระทั่ง พ.ค. 65  มีหมายศาล บังคับคดีมา แจ้งว่า จะยึดบ้านตน หากไม่ปิดยอดที่กำหนด 

 

            พอตนนำไปบอกกับพ่อของพระเอก เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เขามีเรื่องอะไรก็ส่งเรื่องไปให้ลูกชายคนโตที่กรุงเทพฯ แต่ก็ไม่ได้มีการช่วยเหลืออะไรตนกลับ จนตนต้องเขียนคำร้องไปถึงไฟแนนซ์ขอจ่ายเงินที่ 4 แสนบาท โดยเงินที่นำมาจ่าย ตนต้องเอารถของตัวเองไปเข้าลีสซิ่ง ได้เงินมา 3.2 แสน และอีก 1 แสนเป็นเงินของพ่อพระเอกดัง ตนก็งงว่าเขาเอาเงินมาจากไหน ทั้งที่ตลอดเวลาไม่เคยไปผ่อนรถเลย ขณะเดียวกัน ทางไฟแนนซ์ได้ไปสืบทรัพย์มาแล้ว ปรากฎว่า พ่อพระเอกคนนี้ เขาไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย เลยมายึดของตน ส่วนรถต้นเหตุ คุณ เอ (นามสมมติ) พี่ชายพระเอก บอกว่า รถได้ถูกจำหน่ายไปแล้ว 

 

  

 

            อย่างไรก็ตาม ตนต้องเป็นหนี้ลีสซิ่ง จึงนำสัญญาเงินกู้ ตนได้นำไปให้พ่อของพระเอกดังเซ็นรับทราบ ให้เขาผ่อนชำระ 2.5 หมื่นบาทต่อเดือน ทุกวันที่ 2 ของเดือน ซึ่งเดือร พ.ย. และ ธ.ค. เขาก็ยังไม่จ่าย ทั้งนี้ตนอยากให้เขาออกมารับผิดชอบ ปิดหนี้ให้ตน ทั้งเงินต้น และเงินดอกเบี้ย รวมแล้วประมาณ 3.5 แสนบาท

 

            ด้าน เอ (นามสมมติ) พี่ชายของพระเอกดัง ในฐานะของผู้ที่นำรถคันดังกล่าวไปใช้ เผยว่า รถคันดังกล่าว ยังใช้งานอยู่ ส่วนงวดผ่อนรถ ตนก็ไม่แน่ใจว่าผ่อนไปกี่งวด เพราะระยะเวลามันนานมากแล้ว แต่ยืนยันว่าได้ผ่อน ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมา เจอปัญหาหลายอย่าง ทำให้ตนไม่ได้ส่งเงินผ่อน แต่ตอนนี้พร้อมจะดูแลรับผิดชอบจ่ายเงินงวดละ 2.5 หมื่นบาท 

 

 

            ฟาก ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องการแปลงหนี้ใหม่ ที่มีฐานเกี่ยวกับหนี้ของเดิม แนะนำให้ค่าคนกลางในการพูดคุยกันดีกว่า เพื่อให้เข้าใจตรงกัน และตกลงสัญญาได้ตรงกัน ซึ่งจะใช้ยุติธรรมประจำจังหวัด หรือกระทรวงยุติธรรมก็ได้ ส่วนตัวตนมองว่า ถ้าเขามีเจตนาจะชำระเงินเรา มันล่าช้าไปบ้าง แต่ยังอยู่ในกรอบเวลา ตนว่ารับเอาไว้ก่อน คงไม่ได้ผิดอะไร สำหรับเรื่องดอกเบี้ย แนะนำให้เจรจากันก่อนดีกว่า