เจ้าของที่ดินงงตาแตก จู่ๆ มีคนเข้ามาปลูกบ้าน สุดช้ำ ต้องซื้อที่ตัวเองกลับ เหตุแค่ “ไม่ล้อมรั้ว”

ผัว-เมียร้อง ถูกคู่กรณีสร้างบ้านผิดแปลง มาสร้างบนที่ดินของตน ทำเดือดร้อน เทศบาลมาไล่บี้ ปรับ 6 หมื่นบาท เพราะสร้างโดยไม่ได้ขออนุญาต ทนายแก้ว แนะ ฟ้องเท่านั้น ให้ศาลเป็นคนสั่งรื้อ ยันเจ้าของที่ไม่ได้ประมาท !

 

 

            วันที่ 22 พ.ย. 65 ไพรัตน์ ชาโรจน์ (รัตน์) เจ้าของที่ดิน ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ที่ดินดังกล่าวตนซื้อไว้เพื่อ ปลูกบ้านเช่า หารายได้ตอนตนเกษียณ ซื้อเมื่อปี 57 ราคาประมาณ 4.5 แสนบาท ขนาดที่ดิน 110.5 ตารางวา ตอนซื้อมีการตรวจสอบชัดเจนกับสำนักงานที่ดินประจำจังหวัด ว่าเขตที่ของตนคือแปลงไหน ซึ่งก็มีการปักหมุดจากกรมที่ดิน และมีเสาไม้ระบุชัดเจน อยู่มาวันหนึ่งตนได้รับจดหมายจากสำนักงานที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ให้ไปทำรังวัด โดยมีเจ้าหน้าที่จากเอกชนเข้าทำรังวัด พอไปถึงที่ดินของตนเอง ปรากฎว่าพบบ้าน 2 หลังอยู่ในที่ดินของตน ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นของใคร ไม่ใช่บ้านของตน แถมไม่เจอเจ้าของบ้านด้วย มาเจอเจ้าของบ้านหลังจากเจ้าหน้าที่วัดที่ดินเสร็จแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่โทรตามเขา เพื่อบอกว่าที่ดินที่เขาสร้างบ้านไม่ใช่ของเขา เขาถึงจะมา ซึ่งตัวเขาเป็นคนแจ้งขอทำรังวัดเองด้วย แต่ไม่ได้มาตามนัด  

 

 

            จากนั้นจึงได้เจรจากับตัวเจ้าของบ้านว่าจะเอายังไง เบื้องต้นตอนแรกเขาจะขอแลกที่ดินกับตน โดยที่ดินของเขาอยู่ติดกับที่ดินของตน แต่ตนก็ไม่ตกลง เนื่องจากที่ของตนอยู่ใกล้ถนนมากกว่า ทำเลดีกว่า ของเขาจะใกล้ซอยตัน แถมของตนยังใหญ่กว่าเขานิดหนึ่ง พอเจรจาไม่ลงตัวเขาเลยเสนอจะขอซื้อที่ ในราคา 4 แสนบาทตอนปี 64 ซึ่งมันต่ำกว่าราคาที่ตนซื้อที่นี้ เมื่อปี 57 อีก จึงปัดตกไป ต่อมาในชั้นอัยการ เขาเลยเสนอให้ราคาที่ 1.2 ล้านบาท แต่ตนอยากได้ 2 ล้าน ตนคำนวณจากค่าเสียผลประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งในราคานี้ตนไม่ได้บีบบังคับเขา แต่เสนอให้เขาไปพิจารณา หากเขาอยากจะทำบ้านต่อ แต่เขากลับตอบมาว่ามันแพงเกินไป หลังจากนั้นมีการเจรจากันอีกรอบ ตนลดราคาให้ เสนอที่ 1.65 ล้านบาท ให้ไปพิจารณาอีกรอบ แล้วค่อยมาให้คำตอบกันในชั้นอัยการอีกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้มาตามนัด 

 

            ทั้งนี้ตัวผู้ที่สร้างบ้าน เขาไม่ได้ไปขอใบอณุญาตการก่อสร้าง เพราะว่าหนังสือระงับการก่อสร้างส่งมาเป็นชื่อของตน และแฟน แถมยังโดนปรับด้วย นอกจากนี้ ตนเข้าไปดูที่ดินผืนนี้อยู่ตลอดตั้งแต่ซื้อมา มีแค่ช่วงโควิดระบาดที่ไม่ได้เข้าไปดูที่ จนมาเจออีกทีก็มีบ้านแล้ว ขณะเดียวกันตนได้ฝากฝังที่ดินดังกล่าวไว้กับป้า ที่อยู่แถวละแวกนั้น ดูแลที่ดิน และให้เขามาปลูกพืชผัก ทำประโยชน์ในพื้นที่ได้เลย ซึ่งวันที่เขาจะสร้างบ้าน ป้าก็รู้ และป้าได้เข้าไปบอกว่าที่นี้มีเจ้าของ แต่เขาบอกป้าว่าได้ซื้อที่ดินตรงนี้แล้ว 

 

 

            ตอนนี้สิ่งที่ตนอยากได้ คืออยากได้ที่ดินของตนเองคืน และไม่ได้อยากได้บ้านที่เขามาปลูก ทางออกที่ต้องซื้อบ้านที่เขามาปลูกนั้น ตนก็ไม่เอา เพราะถ้าซื้อบ้านของเขาก็ต้องซื้อในราคาที่ดินเพิ่ม และก็ไม่รู้ด้วยว่าส่วนต่างตรงนี้มันเท่าไหร่ แถมแบบบ้านก็ไม่ใช่แบบที่ตนชอบ อีกทั้งยังมีส่วนบ้านที่ล้ำเข้าไปในที่ของเขาประมาณ 2 เมตร หากซื้อมาก็จะมีปัญหาตรงนี้อีก 

 

 

            ด้าน เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ตามปกติแล้ว ใครจะก่อสร้างบ้านหรืออะไรก็ตาม ต้องไปขออณุญาตจากทางเทศบาล ซึ่งการไปขออณุญาตจะชี้ได้ชัดว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ของใคร ต้องมีโฉนดไหม ไปขออณุญาต แบบแปลน พิกัดต้องเป๊ะ เมื่อไม่ได้ทำอย่างนั้นแสดงว่าฝ่ายที่ปลูกสร้างนั้นทำผิดกฎหมาย 

 

            ส่วนเรื่องการประมาท ตนมองอีกมุม ยกตัวอย่างที่ของราชการ หรืออุทยาน เมื่อประชาชนไปบุกรุกปลูกสร้างรีสอร์ท ศาลยังตัดสินให้ทุบทิ้งเลย ไม่เห็นตีความว่าอุทยานประมาทเลย แต่พอเป็นที่ของเอกชน ประชาชน พอไม่ล้อมรั้วแล้วถูกบุกรุก กฎหมายกลับไปตีความว่าเราประมาท ถ้าเป็นแบบนี้จะมีหมุดที่ดินไปทำไม 

 

 

            ทั้งนี้ ตอนที่ผู้เสียหายมาร้องเรียนกับตน นั่งคุยกันไป น้ำตาซึมกันไป เพราะเขาถูกริมกินโต๊ะมานานแล้ว เทศบาลก็มาไล่บี้เขาให้ไปเสียค่าปรับที่ไม่ได้ขออนุญาตก่อสร้างบ้าน 6 หมื่นบาท และมีค่าปรับรายวันอีก เพราะตัวคุณรัตน์เป็นเจ้าของที่ บ้านดังกล่าวปลูกบนพื้นที่เขา คนที่ปลูกบ้านก็ให้ขายที่ดินให้เขา 4 แสนบาท ซึ่งมันถูกกว่าราคาที่เขาซื้อมาอีก คุณรัตน์ไปร้องที่ไหนคดีก็ไม่คืย เรื่องนี้ยังไงก็ต้องช่วยเขา 

 

 

            ฟาก ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย สภาทนายความ ให้ความเห็นว่า เคสนี้ ความเห็นส่วนตัวของตน หากเป็นการประมาทในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตนถือว่าคุณรัตน์ไม่ได้ประมาท เนื่องจากคุณรัตน์ได้แวะเวียนเข้าไปดูที่อยู่ตลอด ขณะเดียวกัน พื้นที่ทั้ง 2 แปลงที่มีปัญหากัน มีพื้นที่เท่า ๆ กัน ดังนั้นหากเขาไปก่อสร้างบ้านในที่ ที่เขาเข้าใจว่าเป็นของเขา มันจะต้องไม่เลยพื้นที่ของคนอื่น สร้างเต็มพื้นที่ของคุณรัตน์ไปเลย แต่อันนี้มันเลยมาประมาณ 2 เมตร ซึ่งมันผิดวิสัยของคนทั่วไป 

 

            ขณะที่ตัวคู่กรณีเองก็ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว น่าจะมีความารู้เรื่องการก่อสร้างอะไรแบบนี้ ไม่น่าจะพลาดได้ พร้อมทั้งป้าที่ดูแลที่ดินยังทักเลย แต่เขาก็ไม่ได้ตรวจสอบ ยังเพิกเฉย ดังนั้นตาม มาตรา 1310 ป.แพ่ง หากเจ้าของที่ดินไม่ได้ประมาท มีสิทธิ์จะบอกปัดโรงเรือนนั้น ๆ ได้ แต่ถ้าเป็นประมาทในคดีอาญา จะไม่สามารถฟ้องเขาข้อหาบุกรุกได้ เพราะคุณรัตน์ไม่ได้ล้อมรั้ว แต่ส่วนตัวตนมองว่าคุณรัตน์ไม่ได้ประมาท ทางคู่กรณีต่างหากที่ไม่สุจริต  

 

 

            อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถถือวิสาสะไปทุบบ้านที่เขาสร้างได้ เพราะมันไม่ใช่ทรัพย์สินของคุณรัตน์ ต้องรอให้ศาลเป็นคนสั่ง ดังนั้นต้องฟ้องให้ศาลสั่ง และสามารถเรียกค่าขาดรายได้ ค่าขาดประโยชน์ได้ด้วย