ฉาว ! “นายสิบ” ปลอมยศ “พ.ต.ต.” ทำสาวท้องไม่รับ บีบทำแท้ง แถมสูบเงิน เหยื่อโผล่เพิ่ม

สาวช้ำใจ โดน ส.ต.ต. หลอกให้รัก แถมปลอมยศเป็น พ.ต.ต. พอตั้งท้อง ดันบอกให้ไปทำแท้ง พร้อมสูบเงินไปเกือบแสน 

 

 

            วันที่ 21 พ.ย. 65 ตอง (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนไปเจอนายตำรวจคนดังกล่าวช่วงเดือน พ.ย. 64 ที่ตลาด โดยเขาอ้างว่าตอนนั้นกำลังตามจับผู้ร้ายตามหมายจับ ก่อนจะตกลงปลงใจแลกไลน์กัน แต่เขาก็หายไปประมาณ 1 เดือน ถึงจะติดต่อมา แล้วก็ได้คุยกันสานสัมพันธ์ประมาณ 1-2 เดือน จนตกลงคบหากัน แรก ๆ เขาก็พูดจาดี เป็นคนดี มีพฤติกรรมธรรมะธัมโม คบกันได้ประมาณ 3 เดือน เขาก็มาบอกว่าได้เลื่อนยศ เป็นยศ ว่าที่ พ.ต.ต. ตนก็เชื่อ เพราะเขาเป็นตำรวจอยู่แล้ว อีกอย่างคือ ตอนไปบ้านของเขา เขาจะมีรูปใส่ชุดโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และมีกระบี่ด้วย ตนไปอยู่กินอาศัยที่บ้านเขา เจอครอบครัวเขา มีพ่อ แม่ และน้องของเขา ก็คุยกันต้อนรับตนปกติ 

 

            ทั้งนี้ เขาเคยถามตนว่าไปจดทะเบียนสมรสกันไหม ตั้งแต่แรก ๆ ที่คบกัน แต่พอจะไปจดจริง ๆ ก็อ้างว่า เขาจะไปสอบเป็นตำรวจ สายปราบปราม หน่วยหนุมาน ไม่สามารถมีครอบครัวได้ นอกจากนี้เรื่องค่าใช้จ่าย ตนก็ช่วยเขาจ่าย อาทิ ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าน้ำมันรถ ค่ากิน เขาขอตนก็ให้ คิดแค่ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ตนหมดเงินประมาณ 8 หมื่นบาท  

 

            เรื่องราวทั้งหมดมาเริ่มเอะตอนตนตั้งครรภ์ ซึ่งก็ตั้งครรภ์กับนายตำรวจคนดังกล่าว เขาเป็นคนที่อยากมีลูกมาโดยตลอด แต่พอตนบอกว่าตั้งครรภ์ เขากลับเครียด และสั่งไม่ให้ตนบอกครอบครัวของเขา แถมยังถามอีกว่าตนต้องการอะไร จากนั้นตนก็เริ่มสงสัย เลยลองถามเขาเรื่องจดทะเบียนสมรสอีกครั้ง ทีนี้เขาบอกว่าเขาจดทะเบียนสมรสมาแล้ว ไม่สามารถจดซ้อนได้ เขาจดทะเบียนสมรสกับเพื่อนสมัยเรียน เพื่อมากู้ร่วมนำเงินซื้อบ้าน แล้วก็มาพูดแนวประชดประชันว่า ถ้าอยากจดทะเบียนสมรส เขาจะไปหย่ากับเพื่อนให้ แล้วก็จะไม่มีบ้านอยู่แล้วนะ

 

  

 

            สุดท้าย ตนนำบัตรข้าราชการที่เขาฝากตนไว้ ไปให้นายตำรวจท่านหนึ่งตรวจสอบให้ โดยในนั้นระบุยศว่าเป็น พ.ต.ต. แต่ปรากฎว่าจริง ๆ แล้วเขามียศแค่ ส.ต.ต.  แถมยังปลอมใบขับขี่ให้ในนั้นเป็นยศ พ.ต.ต. อีกด้วย  ที่สำคัญเขาบอกว่าให้ตนไปเอาเด็กในท้องออก เพราะเขาไม่สามารถเลี้ยงดูได้ เนื่องจากเขามีภาระเยอะ โดยเขาเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ ที่ช้ำใจที่สุด หลังจากตนเอาเด็กในท้องออก เขาไม่เคยติดต่อมาถามว่าตนเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ตนได้ไปคุยกับผู้บังคับบัญชาของเขา และได้เจรจาไกล่เกลี่ยกันแล้ว โดยนายตำรวจดังกล่าว จะเยียวยาค่าเสียหายสภาพจิตใจเป็นจำนวนเงิน 3.5 แสนบาท โดยเงื่อนไขคือ ตนจะไม่มีการร้องเรียนใด ๆ แต่ตนยังคงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนต้องการให้เขาลาออกจากราชการ เพราะพฤติกรรมของเขาไม่เหมาะที่จะใส่ชุดตำรวจอีกต่อไป 

 

 

            ด้าน ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เคสนี้มันมีหลายส่วน บางเรื่องมันก็ยอมความกันได้ แต่บางอันมันก็เป็นความผิดอาญา เช่นการใช้เอกสารปลอม แจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่พนักงาน ในเรื่องข้อกฎหมายมีหลายข้อหาที่ต้องถูกดำเนินคดี การที่ชักจูงให้คนไปทำแท้งก็เป็นความผิดเช่นกัน 

 

            ส่วนเรื่องเงินค่าเยียวยา ก็สามารถฟ้องแพ่งได้ด้วย อย่างไรก็ตาม หน่วยงานต้นสังกัดของนายตำรวจดังกล่าว ต้องพิจารณาจัดการประเด็นการหลอกลวงของเขา ในการปลอมแปลงยศ ขณะเดียวกัน อยากให้ไปร้องเรียนที่ยุติธรรมประจำจังหวัด จะช่วยเรื่องการคุ้มครองพยาน เรื่องเงินเยียวยา และปรึกษาข้อกฎหมาย 

 

            ฟาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เคสนี้ตนต้องเรียกข้อมูลจากต้นสังกัดของเขาก่อน ขณะเดียวกัน ถ้าเป็นเรื่องของการหลอกลวง เอกสารเท็จต่าง ๆ หรือที่เป็นความผิดอาญา จะจัดการดำเนินคดีอาญาทั้งหมด จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งถ้าเป็นความผิดทางอาญา มีโอกาสที่จะต้องออกจากราชการ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาของเขา 

 

            ทั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรม ทางทีมงานถกไม่เถียง ได้ติดต่อไปยัง นายสิบตำรวจ รายดังกล่าว เพื่อเปิดพื้นที่ให้เขาชี้แจง ติดต่อประมาณ 60 สาย สุดท้ายนายสิบตำรวจรายนี้รับสาย แต่เมื่อทราบว่ามาจากรายการถกไม่เถียง ก็วางสายไปเลยทันที แต่หลังจากนั้น มีคุณแม่ของนายสิบตำรวจรายดังกล่าว ติดต่อมาทางคุณตอง ขอเจรจา เขาไม่อยากให้ลูกเขาออกจากราชการ เนื่องจากตัวพ่อกับแม่ต้องใช้สิทธิ์ข้าราชการไปหาหมอทุกเดือน นอกจากนี้ต้นสังกัดของนายสิบตำรวจรายนี้ ติดต่อมาว่า ตัวนายสิบตำรวจจะลาออก ขณะเดียวกัน มีผู้หญิงรายหนึ่ง ติดต่อมาว่าเขาก็เจอนายสิบตำรวจรายดังกล่าวหลอกเหมือนกัน สูญเงินไปเป็นล้านบาท ซึ่งเขาเป็นผู้หญิงที่จดทะเบียนสมรสกับนายตำรวจ