ยังมีอยู่ กับเหตุการณ์รับน้องโหด ล่าสุดผู้เสียหาย ร้องสายไหมต้องรอด ถูกรุ่นพี่ จุดไฟพ่นสเปรย์ใส่ ถ้าบีบบังคับไม่เพื่อนยุ่งด้วย จนต้องลาออก
วันที่ 17 พ.ย. 65 เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย กาย สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 31 ต.ค. เวลาประมาณ 14.00 น. พวกรุ่นพี่นัดตนให้ไปพบที่มหาวิทยาลัย ก่อนที่จะบอกให้ตนไปที่อพาร์ทเม้นท์ที่เขาเช่าไว้สำหรับรับน้อง เมื่อไปถึงก็ดำเนินการรับน้องตามปกติ มีการลุกนั่ง วิดพื้น ซิทอัพ จากนั้นช่วง 17.00 น. รุ่นพี่ปี 3 1 คนได้เรียกตนให้เข้าไปในห้องน้ำ โดยถูกเอาผ้าปิดตาเอาไว้ แล้วเขาก็ให้ตนเอากางเกงลงให้เห็นอวัยวะเพศ และให้เอามือขวาปิดอวัยวะเพศเอาไว้ ก่อนจะจัดการจุดไฟแช็ก และพ่นสีสเปรย์ใส่ตน ซึ่งตอนที่เกิดเหตุตนไม่เห็นเพราะถูกปิดตาอยู่ มีเพียงความรู้สึกว่าร้อนมาก เหมือนถูกไฟไหม้ จนตนทนไม่ไหวถึงกับเอาผ้าปิดออก และบอกว่าไม่ไหวแล้ว แต่ทางรุ่นพี่ให้ตนหลับตาอีกครั้ง และทำเหมือนซ้ำเป็นรอบที่ 2
หลังจากที่เขาทำตนเสร็จ เขาก็เดินออกไปเฉย ๆ ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร แล้วก็ไปทำกับเพื่อนของตนอีก 3 คนต่อ โดยการเอาไฟแช็กไปลนที่ขนอวัยวะเพศ แต่ไม่ได้ใช่สเปรย์ฉีดพ่นใส่เหมือนที่ตนโดน ซึ่งเพื่อนที่โดนลนไฟใส่เขาก็ไม่ได้มีอาการอะไรมาก แต่ตนถึงกับทนไม่ไหวต้องเอาน้ำจากฝักบัวมาพรมเอาไว้ตลอด เพราะร้อนมาก แต่เขาก็ยังจะให้ตนออกไปรับน้องต่ออีกด้วย หลังจากวันเกิดเหตุ รุ่นพี่ติดต่อมาว่าจะช่วยรักษาพยาบาล ค่ากินต่าง ๆ แต่เยียวยามาแค่ 2-3 วัน รวมแล้ว 1.2 พันบาท ซึ่งตนเห็นแบบนี้ว่ามันไม่ได้ จึงเสนอเขาไปให้เยียวยามา 2 หมื่นบาท
นอกจากนี้พฤติกรรมของรุ่นพี่ดังกล่าว มีบังคับซิทอัพ ลุกนั่ง วิดพื้น รวม ๆ กันแล้ว 3 พันครั้ง อีกทั้งยังบังคับให้จำชื่อรุ่นพี่ให้ได้อีกด้วย ถูกพวกรุ่นพี่บีบเพื่อนของตน ให้ไม่ต้องมายุ่งกับตน เหมือนบังคับให้ตนเป็นแกะดำ กระทบหนักจนตนต้องลาออก
ด้าน ตอง (นามสมมติ) แม่ของผู้เสียหาย กล่าวว่า ตอนแรกตนไม่ทราบเรื่องเลย มาทราบเรื่องหลังเกิดเหตุวันที่ 8 พ.ย. เมื่อเห็นลูก ตนก็ดำเนินการไปลาออกที่มหาวิทยาลัยเลยวันที่ 9 พ.ย. เพราะแบบนี้ลูกน่าจะอยู่ไม่ได้แล้ว แค่นี้ยังโดนเผา อีกหน่อยอาจจะถึงขั้นตายได้ ซึ่งพวกอาจารย์เขาก็ไม่ได้รู้เรื่องการรับน้องดังกล่าว เพิ่งจะรู้วันที่เดินทางไปลาออก ส่วนทางมหาวิทยาลัย ทุกวันนี้ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามารับผิดชอบเลย ตนก็กลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ส่วน ใจ (นามสมมติ) น้าของผู้เสียหาย เล่าว่า หลังจากน้องถูกกระทำแล้ว ตนเห็นแผลแล้วรู้สึกสงสาร เลยไปตัดว่านหางจระเข้มาทาให้ พอทาแล้วก็ดิ้นทุรนทุรายน่าสงสารมาก เหมือนคนจะตาย ตนเลยพาไปโรงพยาบาล ตนมองว่าผู้ก่อเหตุเขาทำแบบนี้ได้อย่างไร โหดร้ายมาก
ฟาก เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า ตอนแรกที่ฟังตัวผู้เสียหายเล่ามาว่าน่าสงสารแล้ว แต่ตนได้คุยกับแม่ของผู้เสียหายยิ่งสงสารกว่า เพราะคุณแม่บอกว่าไม่อยากจะเอาเรื่อง เพราะมีฐานะยากจนกลัวจะสู้คดีเขาไม่ได้ ตนได้ยินแบบนี้แล้วยิ่งต้องช่วย อย่างไรก็ตาม บ้านเมืองเรามีขื่อมีแป ใครทำผิดต้องได้รับผิด และในกรณีนี้มีกฎหมายรองรับผู้เสียหายหลายฉบับมาก ดังนั้นอยากให้คุณแม่ไม่ต้องกังวลใจ ทั้งนี้ ตนจะประสาน ท่านว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพาน้องไปยื่นเรื่องไปกระทรวงยุติธรรม เพื่อเข้ารับการคุ้มครองพยาน พร้อมทั้งขอรับเงินเยียวยา
อย่างไรก็ตาม ตนขอฝากไปที่ท่านอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคล แห่งหนึ่ง แถวเขตดุสิต อยากให้ท่านช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย ถ้าหากท่านยังปล่อยให้รุ่นพี่กระทำแบบนี้ ปีหน้าอาจจะมีรุ่นน้องถูกกระทำอีก ต้องจัดการเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง อีกอย่างคณะที่น้องผู้เสียหายเรียนเป็นคณะครุศาสตร์ จบไปเป็นครู ถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้ เมื่อเรียนจบไปแล้วครูมีพฤติกรรมแบบนี้ ผู้ปกครองจะไว้ใจได้อย่างไร
ขณะที่ สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า เคสนี้ตนคิดว่ารุ่นพี่ไม่น่ารอดคุก เพราะเป็นความผิดทางอาญา ถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกายสาหัส เนื่องจากใบแพทย์ออกมาแล้วว่ารักษาตัว 1-3 สัปดาห์ พ่วงด้วยข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง
ฟาก พ.ต.อ.ปริญญา เหลืองอุทัย ผกก.สน.บางพลัด เผยว่า ได้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว 1 ราย ซึ่งตัวผู้ต้องหายอมรับสารภาพ แต่บอกว่าไม่ได้มีเจตนา เป็นธรรมเนียมของทางมหาวิทยาลัย นอกจากเรื่องบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับ ตนยังตามสืบเรื่องพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เขาทำกับผู้เสียหาย ว่ามันจะส่งผลต่อการทำร้ายจิตใจไหม อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าการรับน้องลักษณะนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมสมัยนี้แล้ว และถ้าหากใครได้รับผลกระทบจากกลุ่มนี้ ให้แจ้งมาที่ตนได้เลย
ทั้งนี้ทางทีมงาน "ถกไม่เถียง" ได้มีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยอาจารย์ชี้แจงว่า ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสอนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ขอยืนยันว่า มหาวิทยาลัยไม่มีนโยบายการรับน้องแต่อย่างใด ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ห้ามปรามการรับน้อง เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นก่อนหน้านี้ จึงมีการสั่งห้ามไม่ให้มีการรับน้องอีก แต่เนื่องจากตอนนี้ เป็นช่วงโควิด ทำให้ไม่มีการเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัยมาแล้วกว่า 2 ปี ซึ่งอาจจะทำให้มีการแอบทำกิจกรรมลักษณะนี้บ้าง แต่ขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายอย่างแน่นอน
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35