หญิงสาวคนหนึ่ง ไปสมัครงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้งานที่บริษัทนั้น ผ่านไป 1 ปี มีเรียกหมายจากศาลในคดีฉ้อโกงมาที่บ้าน เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้ร่วมจัดตั้งบริษัท
เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา นางสาวเบญจมาศ ทวดอาจ อายุ 27 ปี เดินทางเข้าพบนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอให้ช่วยติดตามความคืบหน้ากรณีที่เคยยื่นเอกสารสมัครงานบริษัทแห่งหนึ่งย่าน วังทองหลาง สุดท้ายไม่ได้งาน
เอกสารสมัครงานไม่ได้นำกลับ ผ่านไป 1 ปี มีหมายเรียกให้เป็นพยาน ในคดีฉ้อโกง มาทราบภายหลังถูกนำสำเนาบัตรประชาชนไปปลอม นำหลังบัตรใครไม่รู้มาใส่ ปลอมลายเซ็นต์จัดตั้งบริษัท ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเปิดบริษัทแต่อย่างใด พอแจ้งความกลับถูกตามขู่ให้ถอนแจ้งความถึงบ้าน จะไปสมัครงานใหม่ก็ไม่กล้า กลัวตามเจอ ต้องเป็นคนตกงาน ไร้ที่อยู่เป็นหลักแหล่งมานานกว่า 3 ปี
นางสาวเบญจมาศ เล่าให้ฟังว่า เมื่อกลางปี 61 ได้ไปสมัครงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ย่านวังทองหลาง ประกอบกิจการเกี่ยวกับการขายน้ำมัน ในตำแหน่ง เทเลเซลล์ (Telesales) หรือพนักงานขายผ่านโทรศัพท์ แต่ไม่ได้ถูกเลือกให้เข้าทำงาน ผ่านไป 1 ปี ประมาณกลางปี 62 มีหมายเรียกจาก สน.วังทองหลาง ไปที่บ้านใน จ.มหาสารคาม พอไปพบพนักงานสอบสวนจึงทราบว่าที่ถูกออกหมายเรียกเพราะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไทยไฮด้า จำกัด
ซึ่งตนเองไม่รู้เรื่องและไม่เคยถือหุ้นบริษัทอะไร เมื่อไปตรวจสอบเอกสารการจดทะเบียนบริษัท ไทยไฮด้า จำกัด พบว่ามีชื่อเป็นผู้ขอจดทะเบียนบริษัทจริง เมื่อตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ พบว่าสำเนาบัตรประชาชนที่แนบคำร้องเป็นของตนจริงแต่ลายเซ็นต์ และหลังบัตรประชาชน เบอร์โทร ไม่ใช่ของตน เมื่อทราบเรื่องก็เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศ แต่เรื่องก็เงียบไป ต่อมามีผู้หญิงที่เป็นคนที่สัมภาษงานตอนที่ไปสมัครงานปี 61
โทรเข้ามาหาขอไกล่เกลี่ย บอกเรื่องแบบนี้ใคร ๆ เขาก็ทำกัน สุดท้ายก็ไม่ได้ถอนแจ้งความเพราะคิดว่าถ้าถอนแจ้งความไปเอกสารทึ่ถูกปลอมก็ยังมีอยู่ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรต่ออีกหรือไม่
เมื่อสอบถามกลับไปว่าได้เอาเอกสารไปจดทะเบียนบริษัทมั้ย ทางนั้นตอบว่าเอาไปจริงเพราะรู้เท่าไม่ถึงการ ประกอบกับช่วงนั้นประสบปัญหาแต่ก็ไม่ได้บอกว่าเพราะอะไร ยอมรับตอนที่ไปสมัครงานไม่ได้ขีดคล่อมเอกสาร แต่ถ่ายเฉพาะด้านหน้า และเซ็นต์สำเนาถูกต้อง
ที่ผ่านมาเคยยื่นหนังสือไปที่ กระทรวงพาณิชย์เพื่อให้ถอนชื่อตนเองออกจากบริษัทนี้ แต่ก็มีผลออกมาว่าคู่กรณีไม่ได้ไปให้ถ้อยคำจึงไม่สามารถถอนชื่อออกได้ จากนั้นได้ยื่นอุธรณ์อีกครั้งสุดท้ายระบุว่าต้องมีคำสั่งศาลออกมาเท่านั้นถึงจะถอนชื่อออกได้
ตอนนี้ตนเอง ถูกออกหมายเรียกจากสน.โคกคราม 2 หมาย ในคดีหมิ่นประมาทที่ตนเองโพสเตือนให้ระวังเรื่องเอกสารสำเนาบัตร ที่คู่กรณีแจ้งความไว้ หมายเรียกของสภ.ลานสัก 1 หมาย กรณีที่บริษัทแห่งนี้ไปบุกรุกพื้นที่ของบริษัทที่ตนเองไปสมัครงาน และหมายของสน.วังทองหลาง จำนวน 2 หมายที่ให้ตนเป็นพยานในกรณีบริษัทแห่งนี้ ฉ้อโกง บริษัทที่ตนเองไปสมัครงาน และยังมีผลกระทบไปหาแม่ที่อยู่ต่างจังหมดด้วย โดยมีการส่งคนไปข่มขู่คุกคามแม่ให้มาบอกตนถอนแจ้งความ ถึงแจ้งไปก็ทำอะไรไม่ได้เพราะแฟนเขาเป็นผู้พิพากษาสมทบ ซึ่งทำให้ตนกลัวทั้งคดีทั้งความปลอดภัย
นายเอกภพ กล่าวว่า หลังจากนี้คงต้องจะพาผู้เสียหายไปยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดเพราน้องถูกฟ้องหลายคดีมาทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับน้องคนนี้เป็นรายแรก อาจจะมีก่อนหน้านี้ซึ่งจะต้องทำความจริงให้ปรากฎ ในส่วนที่แอบอ้างรู้จักรู้จักใครก็ตามผมเชื่อว่าท่านเหล่านั้นคงไม่มาช่วยอยู่แล้ว ผิดก็คือผิดไม่สำคัญจะใหญ่แค่ไหนทุกคนอยู่ใต้กฎหมายเดียวกัน ติดตามแง่มุมทางกฎหมายในเรื่องนี้ กับ “มิสเตอร์ฆ่าโง่” อ.สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35