นางสาวเบญจมาศ ทวดอาจ อายุ 27 ปี เดินทางเข้าพบ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อช่วยติดตามความคืบหน้า กรณีที่เคยยื่นเอกสารสมัครงานบริษัทแห่งหนึ่งย่านวังทองหลาง สุดท้ายไม่ได้งาน เอกสารสมัครงานไม่ได้นำกลับ ผ่านไป 1 ปี มีหมายเรียกให้เป็นพยานในคดีฉ้อโกง มาทราบภายหลัง ถูกนำสำเนาบัตรประชาชนไปปลอม นำหลังบัตรใครไม่รู้มาใส่ ปลอมลายเซ็นจัดตั้งบริษัท ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเปิดบริษัทแต่อย่างใด พอแจ้งความกลับถูกตามขู่ให้ถอนแจ้งความถึงบ้าน จะไปสมัครงานใหม่ก็ไม่กล้า กลัวตามเจอ ต้องเป็นคนตกงานไร้ที่อยู่เป็นหลักแหล่งมานานกว่า 3 ปี
เบญจมาศ เปิดเผยว่า เมื่อกลางปี 2561 ได้ไปสมัครงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ย่านวังทองหลาง ประกอบกิจการเกี่ยวกับการขายน้ำมัน ในตำแหน่ง เทเลเซล (Telesales) หรือพนักงานขายผ่านโทรศัพท์ แต่ไม่ได้ถูกเลือกให้เข้าทำงาน
ผ่านไป 1 ปี ประมาณกลางปี 2562 มีหมายเรียกจาก สน.วังทองหลาง ไปที่บ้านใน จ.มหาสารคาม พอไปพบพนักงานสอบสวนจึงทราบว่าที่ถูกออกหมายเรียกเพราะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไทยไฮด้า จำกัด ซึ่งตนเองไม่รู้เรื่องและไม่เคยถือหุ้นบริษัทอะไร
เมื่อไปตรวจสอบเอกสารการจดทะเบียนบริษัท ไทยไฮด้า จำกัด พบว่ามีชื่อเป็นผู้ขอจดทะเบียนบริษัทจริง เมื่อตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ พบว่าสำเนาบัตรประชาชนที่แนบคำร้องเป็นของตนจริง แต่ลายเซ็น หลังบัตรประชาชน และเบอร์โทรศัพท์ ไม่ใช่ของตน เมื่อทราบเรื่องก็เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศ แต่เรื่องก็เงียบไป
ต่อมามีผู้หญิงที่เป็นคนที่สัมภาษณ์งานตอนที่ไปสมัครงานปี 2561 โทรเข้ามาหาขอไกล่เกลี่ย บอกเรื่องแบบนี้ใคร ๆ เขาก็ทำกัน สุดท้ายก็ไม่ได้ถอนแจ้งความเพราะคิดว่าถ้าถอนแจ้งความไปเอกสารที่ถูกปลอมก็ยังมีอยู่ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรต่ออีกหรือไม่
เมื่อสอบถามกลับไปว่าได้เอาเอกสารไปจดทะเบียนบริษัทหรือไม่ ทางนั้นตอบว่าเอาไปจริงเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ประกอบกับช่วงนั้นประสบปัญหาแต่ก็ไม่ได้บอกว่าเพราะอะไร ยอมรับตอนที่ไปสมัครงานไม่ได้ขีดคร่อมเอกสาร แต่ถ่ายเฉพาะด้านหน้า และเซ็นสำเนาถูกต้อง
ที่ผ่านมาเคยยื่นหนังสือไปที่ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ถอนชื่อตนเองออกจากบริษัทนี้ แต่ก็มีผลออกมาว่าคู่กรณีไม่ได้ไปให้ถ้อยคำจึงไม่สามารถถอนชื่อออกได้ จากนั้นได้ยื่นอุธรณ์อีกครั้งสุดท้ายระบุว่าต้องมีคำสั่งศาลออกมาเท่านั้นถึงจะถอนชื่อออกได้
ตอนนี้ตนเอง ถูกออกหมายเรียกจาก สน.โคกคราม 2 หมาย ในคดีหมิ่นประมาทที่ตนเองโพสต์เตือนให้ระวังเรื่องเอกสารสำเนาบัตรฯ ที่คู่กรณีแจ้งความไว้ หมายเรียกของ สภ.ลานสัก 1 หมาย กรณีที่บริษัทแห่งนี้ไปบุกรุกพื้นที่ของบริษัทที่ตนเองไปสมัครงาน และหมายของ สน.วังทองหลาง จำนวน 2 หมาย ที่ให้ตนเป็นพยานในกรณีบริษัทแห่งนี้ฉ้อโกงบริษัทที่ตนเองไปสมัครงาน และยังมีผลกระทบไปหาแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดด้วย โดยมีการส่งคนไปข่มขู่คุกคามแม่ให้มาบอกตนถอนแจ้งความ ถึงแจ้งไปก็ทำอะไรไม่ได้เพราะแฟนเขาเป็นผู้พิพากษาสมทบ ซึ่งทำให้ตนกลัวทั้งคดีทั้งความปลอดภัย
นายเอกภพ กล่าวว่า สำหรับเรื่องนี้ฝากไปยังพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ การสมัครงานก็ดี หรือการนำสำเนาบัตรประชาชนไปมอบให้ใครก็ตามความ ดูกรณีน้องคนนี้เป็นตัวอย่าง ท่านต้องขีดคร่อม คำว่าสำเนาถูกต้อง เซ็นชื่อ ไม่สำคัญเท่าที่ระบุว่าใช้เอกสารนี้เพื่ออะไร เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมิจฉาชีพจะเลือกเอกสารที่ไม่ได้ขีดคร่อมเป็นอันดับแรก และเรื่องนี้ต้องตามต่อว่าขั้นตอนทั้งหมดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
หลังจากนี้คงต้องจะพาผู้เสียหายไปยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพราะน้องถูกฟ้องหลายคดี ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับน้องคนนี้เป็นรายแรก อาจจะมีก่อนหน้านี้ ซึ่งจะต้องทำความจริงให้ปรากฏ ในส่วนที่แอบอ้างว่ารู้จักใครก็ตาม ตนเชื่อว่าท่านเหล่านั้นคงไม่มาช่วยอยู่แล้ว ผิดก็คือผิด ไม่สำคัญจะใหญ่แค่ไหน ทุกคนอยู่ใต้กฎหมายเดียวกัน
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35