สาวร้อง เพจสายไหมต้องรอด หลังไปสมัครงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้งาน ลืมขีดคร่อมสำเนาบัตรประชาชน ผ่านไป 1 ปี ถูกตำรวจออกหมายเรียก คดีฉ้อโกง สุดงง ตรวจเช็กกลายเป็นว่าสำเนาบัตรประชาชนที่เอาไปสมัครงาน ถูกปลอมแปลง !
วันที่ 11 พ.ย. 65 เบญจมาศ ทวดอาจ (ฟีนส์) ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนได้ไปสมัครงานที่บริษัท A ยื่นหลักฐานการสมัคร แต่ลืมขีดคร่อมสำเนาบัตรประชาชน ตนก็ไม่ได้คิดอะไร สุดท้ายก็ไม่ได้งานนี้ ผ่านไป 1 ปี ตนถูกหมายเรียกพยาน วันที่ 24 ก.ค. 62 จาก สน.วังทองหลาง ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยบริษัท A ฟ้อง บริษัท B และบุคคลภายนอก ซึ่งบริษัท B นั้นกลับมีชื่อตนเป็นผู้ถือหุ้น ตนก็ตกใจ จึงให้การปฏิเสธกับตำรวจว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง มาเอะตอนที่ตำรวจเอารายชื่อบุคลากรในบริษัท B ให้ดู คุ้น ๆ ชื่อ ของคนที่ตนเคยไปสัมภาษณ์งาน ซึ่งเมื่อตนไปตรวจเช็กเอกสารก็พบว่าเป็นเอกสารของตนจริง ๆ แต่หลังบัตรประชาชน และลายเซ็นต์ไม่ใช่ของตน เลยแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ข้อหาแจ้งเท็จและใช้เอกสารปลอม
หลังจากนั้น ผู้หญิงที่เป็นคนสัมภาษณ์งานตนที่บริษัท A ติดต่อเข้ามา ยอมรับว่าเป็นคนทำ และอธิบายเหตุผลว่าเรื่องแบบนี้ใคร ๆ ก็ทำกัน อีกทั้งขอให้คนถอนแจ้งความ แล้วจะมีสินน้ำใจให้ แต่ตนก็มองว่ามันไม่เกี่ยวกับตนอยู่ดี ถ้าถอนแจ้งความไปเอกสารทึ่ถูกปลอมก็ยังมีอยู่ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรต่ออีกหรือไม่ จึงไม่ได้ดำเนินการตามที่ขอ ทั้งนี้ เคยยื่นหนังสือไปที่ กระทรวงพาณิชย์เพื่อให้ถอนชื่อตนเองออกจากบริษัทนี้ แต่ก็มีผลออกมาว่าคู่กรณีไม่ได้ไปให้ถ้อยคำจึงไม่สามารถถอนชื่อออกได้ จากนั้นได้ยื่นอุธรณ์อีกครั้งสุดท้ายระบุว่าต้องมีคำสั่งศาลออกมาเท่านั้นถึงจะถอนชื่อออกได้
อย่างไรก็ตามตนถูกออกหมายเรียกจากสน.โคกคราม 2 หมาย ในคดีหมิ่นประมาทที่ตนเองโพสเตือนให้ระวังเรื่องเอกสารสำเนาบัตร ที่คู่กรณีแจ้งความไว้ หมายเรียกของสภ.ลานสัก 1 หมาย กรณีที่บริษัทแห่งนี้ไปบุกรุกพื้นที่ของบริษัทที่ตนเองไปสมัครงาน และหมายของสน.วังทองหลาง จำนวน 2 หมายที่ให้ตนเป็นพยานในกรณีบริษัทแห่งนี้ ฉ้อโกง บริษัทที่ตนเองไปสมัครงาน
นอกจากนี้ เขายังคุกคาม ส่งคนไปรบกวนตนจนต้องลาออกจากงานใหม่ ตกงานนานกว่า 9 เดือน เพราะไม่กล้าไปสมัครงานที่ไหน อีกทั้งยังส่งคนไปคุกคามแม่ตนที่ต่างจังหวัด อีกทั้งยังอ้างว่าแฟนของเขาเป็นผู้พิพากษาสมทบ ทำให้ตนเครียด เป็นห่วงความปลอดภัย และรูปคดีด้วย
ด้าน เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า เคสนี้มันค่อนข้างชัดเจนมากในเรื่องของบัตรประชาชน ตัวผู้เสียหายถ่ายสำเนาบัตรประชาชนเพื่อไปสมัครงานแค่ด้านหน้าด้านเดียว แต่ในเอกสารจดทะเบียนบริษัทมันมีกลับมีทั้ง 2 ด้าน ซึ่งเมื่อนำสำเนาที่ถูกปลอมแปลงมาเทียบกับบัตรประชาชนตัวจริง ปรากฎว่าด้านหน้าเป็นตัวจริง แต่หลังบัตรเป็นของคนอื่น ซึ่งเรื่องนี้ควรเตือนภัยกับพี่น้องประชาชนมาก
ขณะที่ พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แนะนำให้ผู้เสียหาย ทำหนังสือไปที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่าเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว ยืนยันความบริสุทธิ์ เวลาเกิดอะไรขึ้น เขาจะได้หมายเหตุไว้ เราจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ อีกทั้งผู้เสียหายยังเรียกค่าเสียหายจากกรณีนี้ได้เยอะมาก โดยมีข้อหา ให้ข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ปลอมแปลงรายมือชื่อในบัตรประชาชน ใช้เอกสารปลอม และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแล้วด้วย ส่วนเรื่องที่ถูกคุกคาม ให้ไปแจ้งความดำเนินคดีอาญา
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35