ผู้เสียหายสามีภรรยาคู่หนึ่ง ได้ซื้อรถมือสองจากเต็นท์รถแถวปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ขับออกจากเต็นท์รถประมาณ 100 เมตร ล้อหลุดชนร้านสเต็กริมทาง มีการเจรจาขอคืนรถ กลับถูกปฏิเสธ อ้าง "สัญญาเกิดขึ้นแล้วยกเลิกไม่ได้" ผู้เสียหายเข้าร้องให้ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ให้ช่วยเหลือ
โดย นส.วรรณพิชา ผู้เสียหาย เผยว่า ตนและสามีได้ซื้อรถมือสองจากเต็นท์รถแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด โดยนัดดูรถและรับรถในช่วงค่ำเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่ารถคันที่เต็นท์นำมาขายให้ไม่ตรงกับรถรุ่นที่ตนไปดูไว้ก่อนหน้านี้ โดยเต็นท์ได้พยายามนำเสนอขายรถอีกคันให้กับตน ด้วยการพูดจาโน้มน้าวว่าเป็นรุ่นที่ตรงกับที่สามีต้องการ ก่อนที่สามีจะตกลงเซ็นชื่อซื้อขายกันในราคา 409,000 บาท โดยสามีของตนได้จ่ายค่าจองรถเป็นเงินสดจำนวน 1,000 บาท เพื่อดันโปรโมชั่นเป็นฟรีดาวน์ 0 บาท , ค่าดาวน์รถ 5,000 บาท (ซึ่งตอนแรกบอกจะไม่เสียค่าดาวน์รถ) และค่าประกันชั้น 2 อีก 4,000 บาท และทำสัญญาผ่อนชำระกับไฟแนนซ์ในราคา 9,906 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 60 งวด
หลังจากทำสัญญาซื้อขาย ได้ทำการสำรวจรถ แต่เมื่อเดินเปิดประตูรถเพื่อจะขับรถกลับบ้าน ปรากฎว่าคอนโซลขอบประตูฝั่งคนขับหลุดร่วงลงมา ทางร้านก็จัดการซ่อมให้ทันที หลังจากซ่อมเสร็จจึงขับรถออกมาจากเต็นท์ และเมื่อขับออกมาได้ประมาณ 100 เมตร ได้ยินเสียงคล้ายมีอุปกรณ์บางอย่างภายในรถหัก จากนั้นมองเห็นล้อรถด้านหน้าซ้ายของตนเองวิ่งนำหน้ารถ ก่อนพุ่งชนร้านสเต๊กริมทางพังเสียหาย ตัวรถได้ครูดไปกับพื้นถนนจนเกิดประกายไฟ สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน และลูกค้าร้านสเต๊ก
ทั้งนี้แฟนหนุ่มตนซึ่งเป็นเจ้าของรถพยายามควบคุมสติให้รถหยุดนิ่ง เมื่อรถหยุดจึงลงมาตรวจสอบ ก่อนโทรศัพท์แจ้งเซลของเต็นท์ให้รับทราบ ทางเต็นท์ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาเจรจากับร้านสเต๊กพร้อมรับปากว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางร้าน โดยในระหว่างที่เกิดเหตุมีหนึ่งในลูกค้าร้านสเต๊กเป็นเซลล์ขายรถมือหนึ่งของรถยี่ห้อดัง ได้แนะนำว่ารถสภาพไม่พร้อม ไม่แนะนำให้ใช้งานต้องยกเลิกสัญญาทันที แต่เนื่องจากตนไม่มีความรู้เรื่องโดยกฎหมายข้อนี้ และเป็นรถคันแรก จึงขอร้องให้เซลล์คนดังกล่าวไปเป็นเพื่อน ซึ่งเซลล์ก็ยอมไปเป็นเพื่อนเพื่อเจรจาขอกับเต็นท์ แต่ทางเต็นท์ปฏิเสธที่จะคุยกับเซลล์คนดังกล่าว โดยยืนยันว่าจะคุยกับลูกค้าของเต็นท์เท่านั้น และทางเต็นท์แจ้งสาเหตุที่ล้อหลุดเพราะเป็นความผิดพลาดของทางช่างซ่อมรถ เนื่องจากช่างใส่ล้อผิดคัน
จากนั้นตนจึงเจรจาขอยกเลิกสัญญาและขอคืนรถ เพราะไม่กล้าใช้รถแล้ว แต่ทางเต็นท์กลับปฏิเสธโดยระบุว่าสัญญาได้เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถยกเลิกได้ แต่เนื่องจากรถคันดังกล่าวมีความเสี่ยงสูง แม้ทางร้านจะไม่สามารถเปลี่ยนรถให้ได้ แต่สามารถเปลี่ยนประกันจากชั้น 2 เป็นชั้น 1 ให้ได้ทันที จนตนจำใจต้องพารถกลับบ้านที่ชลบุรี
หลังจากนั้น 1 เดือนผ่านไป ทางร้านสเต๊กได้โทรไปต่อว่าตนกับสามีว่าชนแล้วไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย และหากไม่มาดำเนินการก็จะแจ้งความจับสามีของตนในฐานะคนขับและเจ้าของรถ ตนจึงโทรศัพท์มาที่เต็นท์ว่าเหตุใดเต็นท์ยังไม่จ่ายเงินค่าเสียหายให้ร้านสเต๊กตามที่แจ้งไว้ แต่กลับได้รับคำตอบจากเต็นท์ว่า รถมีประกันชั้น 1 แล้วก็ให้ประกันรับผิดชอบ ทำไมต้องให้เต็นท์จ่ายให้อีก และด้วยความกังวลว่าแฟนหนุ่มจะต้องตกเป็นผู้ต้องหา จึงได้ไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ สภ.ปากเกร็ด นนทบุรี ก่อนเข้าขอความช่วยเหลือทางกฎหมายกับทนายเดชาที่สำนักทนายคลายทุกข์
นอกจากนี้ทางทนายเดชาได้แนะนำให้นำรถไปตรวจสภาพและประเมินราคาใหม่ที่ศูนย์บริการรถ ตนจึงนำรถไปตรวจที่ศูนย์อีซูซุ ปรากฎว่าศูนย์แจ้งว่ารถพังยกคัน แชสซีคด และมีอย่างอื่นอีกหลายรายการที่เสียหาย น่าจะเกิดจากสาเหตุว่ารถถูกชนมาอย่างหนัก ประกอบกับตัวรถทั้งคันเป็นสนิม ทำให้น้ำเข้ารถเวลาฝนตก เชื่อว่าอาจจะเคยจมน้ำมาก่อน ส่วนสาเหตุที่ล้อหลุดเนื่องจากไม่มีการขันน๊อตยึดล้อไว้ทั้ง 4 ล้อ
ด้าน นายเดชา กล่าวว่า กรณีดังกล่าว เต็นท์รถอาจมีความผิดฐานขายของหลอกลวง คุณภาพของอันเป็นเท็จ ซึ่งกรณีนี้ผู้เสียหายสามารนำรถไปคืนเต๊นท์พร้อมขอเงินคืน รวมถึงเรียกค่าเสียหายและยกเลิกสัญญาซื้อขายได้ และหากพบว่ารถมีความชำรุดบกพร่อง เสื่อมคุณภาพ ไม่เป็นไปตามความประสงค์ของผู้ซื้อ ถือว่าผิดสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งทางไฟแนนซ์ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยตามสัญญาเช่าซื้อ จะอ้างว่าเป็นความผิดของเต๊นท์ไม่ได้ ดังนั้นกรณีนี้จะต้องร่วมกันรับผิดชอบทั้งสองฝ่ายคือเต๊นท์รถและไฟแนนซ์ เพราะกรณีลักษณะนี้ศาลฎีฎาเคยตัดสินมาแล้ว โดยตนได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้เสียหายไปแจ้งความ พร้อมทั้งประสานไปที่ผู้กำกับ สภ.ปากเกร็ดแล้ว
อีกทั้งกรณีนี้ สคบ.มีหน้าที่เข้าไปควบคุมดูแล ตรวจสอบเกี่ยวกับการขายรถมือสอง ให้การขายรถมือสองเป็นไปตามกฎหมาย และฝ่ายปกครองจังหวัดนนทบุรี จะต้องเข้าไปตรวจสอบเกี่ยวกับใบอนุญาตค้าของเก่า ที่สำคัญยังถามกลับไปยังกรมการขนส่งทางบกว่าให้ผ่านการตรวจสภาพรถมาได้อย่างไร และยังตั้งข้อสังเกตว่า รถรุ่นปี 2010 แต่ปรากฎว่าเล่มรถจดทะเบียนรถปี 2563 เป็นทะเบียนใหม่ไม่เกิน 2 ปี ซึ่งไม่สอดคล้องอายุของรถ จึงสงสัยว่ามีการปกปิดประวัติหรือไม่
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35