ลูกสาวสุดงง พ่อพิการ ถูกขโมยเลขบัตรประชาชน สวมสิทธิ์สอบข้าราชการครู กระทบหนักเพราะชวดสิทธิ์รับเงินผู้สูงอายุ พร้อมชวดสิทธิ์อื่น ๆ เพียบ ท้อใจ ตามเรื่อง 2 ปี ยังไม่คืบหน้า !
วันที่ 4 พ.ย. 65 รุ่งฤดี มหาวงค์ (พิมพ์)ลูกสาวของผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อถูกสวมสิทธิ์ เอาเลขบัตรประชาชนของพ่อไปสมัครเป็นข้าราชการครู จนมาถูกแจ้งระงับใช้สิทธิ์เบี้ยผู้สูงอายุเมื่อปี 63 พอรู้เรื่องก็เข้าไปแจ้งความ และร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม จากนั้นก็มีคณะครูจากเขตการศึกษา มาขอถ้อยคำที่บ้าน แล้วก็ให้ตนรอ เมื่มตนเห็นว่ายังไม่มีความคืบหน้า จึงไปที่ศูนย์ดำรงธรรมอีกรอบ และไปที่เขตการศึกษาที่เขามาขอถ้อยคำ ซึ่งเขาก็ยังบอกให้ตนรอ ทั้งนี้หลังจากถูกระงับสิทธิ์เบี้ยผู้สูงอายุ ก็มีการเรียกคืนยอดก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลว่า ข้าราชการครูท่านหนึ่งมาสวมสิทธิ์ใช้เบี้ยผู้สูงอายุ
โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยได้รับสิทธิ์เบี้ยยังชีพใด ๆ เนื่องจากมันขึ้นสิทธิ์ว่าเป็นข้าราชการ อย่างไรก็ตามคุณพ่อจะต้องเข้ารับการเปลี่ยนขาเทียมอยู่ตลอด ซึ่งที่ผ่านมาก็จะมีพยาบาลมาคอยถามว่าเป็นข้าราชการหรือเปล่า ก็ตอบว่าไม่ได้เป็น จนครั้งล่าสุดไม่สามารถเปลี่ยนขาเทียมได้ พอเช็กแล้วปรากฎว่าครูท่านนั้นได้เสียชีวิตแล้ว ตนเลยคิดว่าถูกระงับเพราะเหตุนี้ ทำให้การเปลี่ยนขาเทียมมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น จนล่าสุดต้องเปลี่ยนสิทธิ์เป็นบัตรทอง ส่วนที่พยาบาลถามอยู่ตลอดว่าเป็นข้าราชการไหม คิดว่าเขาถามเพื่อเอาสิทธิ์ที่ดีสุดให้พ่อ
ขณะที่ ปรีชา มหาวงค์ (ปอง) ผู้เสียหายร้องถูกสวมสิทธิเลขบัตรประชาชน เผยว่า ตนไม่เคยเป็นครู ไม่เคยเป็นราชการ ทำอาชีพทำไร่ทำสวนธรรมดา แต่ตนถูกตัดสิทธิ์ทุกอย่าง บัตรคนจนก็ไม่ได้ เคยสมัครไปมันก็ขึ้นว่าตนเป็นข้าราชการ รอเรื่องมากว่า 2 ปี ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับครูปรีชาเลย พ่อแม่ก็ไม่ได้รู้จักกัน อยู่อำเภอเดียวกัน แต่คนละตำบล ยืนยันว่าไม่เคยเจอกัน
ขณะเดียวกัน ทิน โชคกมลกิจ ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า บัตรประชาชนของ ลุงปรีชา จะขึ้นต้นด้วยเลข 5-71 ลงท้ายด้วย 11-4 ระบุชื่อ นาย ปรีชา มหาวงศ์ ส่วนบัตรของข้าราชการครูที่นำชื่อไปสวมสิทธิ์ เป็นบัตรข้าราชการครูตัวจริง แต่รายละเอียดต่าง ๆ มันเป็นของลุงปรีชา ชื่อ และเลขบัตรเหมือนกัน ส่วนรูปเป็นคนละคนกัน ซึ่งครูปรีชาใช้บัตรใบนี้ในดำเนินชีวิต เป็นข้าราชการครูตั้งแต่ปี 26 จนถึงตอนเสียชีวิต
นอกจากนี้ ครูปรีชา เสียชีวิตเมื่อ ก.พ. 65 จากมะเร็งกระดูก เขามีการแจ้งว่าเสียชีวิต ซึ่งในใบมรณบัตร ระบุชื่อว่า นาย ปรีชา มหาวงศ์ศรี ส่วนเลขบัตรประชาชนที่ระบุขึ้นต้นด้วยเลข 3-7104 ซึ่งมันไม่ใช่เลขของลุงปรีชา ขณะเดียวกันสืบทราบว่า ชื่อเดิมของครูปรีชาคนดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนชื่อเมื่อปี 44 โดยชื่อเดิมใช้ชื่อว่า นายพงศ์ศักดิ์ ศิริบูรณ์ เปลี่ยนเป็น ปรีชามหาวงศ์ศรี
ด้าน ครูแดง (นามสมมติ) ภรรยาครูปรีชา กล่าวว่า ตนแต่งงานกับสามีปี 33 จดทะเบียนสมรสกับ พงศ์ศักดิ์ ศิริบูรณ์ โดยตอนแรกไม่ทราบว่าเขาใช้ชื่อลุงปรีชาในการสมัครข้าราชการครู มาทราบหลังจากแต่งงานกันแล้ว โดยเขาเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยเด็กอายุประมาณ 5-6 ขวบ พ่อของเขาได้ให้ใช้ชื่อและเอกสารของ ปรีชา มหาวงศ์ ในการสอบต่าง ๆ มาโดยตลอด จนกระทั่งเขาสอบบรรจุเป็นครูได้ปี 26 ซึ่งเมื่อตอนเด็กเขาก็ไม่รู้จะทำยังไง เมื่อโตขึ้นเขาก็พยายามแก้ไขมาโดยตลอดแต่ก็ไม่รู้จะแก้ยังไง ครูปรีชาเขากลัวจะผิดกฎหมายมาโดยตลอด หวาดระแวง ตอนคุณพิมพ์ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม เขาก็กลัวจนตัวสั่น และเขายังคอยระวังตลอด พวกสวัสดิการจ่ายตรงของข้าราชการเขาก็ไม่เคยใช้เลย เวลาป่วยก็ไปซื้อยาเอา เพราะเขาก็กลัวจะผิดกฎหมายอีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบข่าวว่าถูกตัวคุณพิมพ์ ร้องเรียน ครูปรีชาก็ไปที่บ้านเขาเลย และได้ให้เงินเขาไปวันนั้น 4 พันบาท พร้อมสารภาพว่าทำผิด ภายหลังมีการตกลงกันว่า จะให้เงินชดเชยเดือนละ 2 พันบาท ก็จัดการโอนตลอด โดยโอนเงินไปที่บัญชีธนาคารกสิกร ชื่อ นายปรีชา มหาวงศ์ เริ่มโอนตั้งแต่ช่วงที่เกิดเรื่องเลย นอกจากนี้ยังมีโอนไปอีก 2 หมื่นบาท จากที่ฝั่งคู่กรณีเรียกร้องมา
คุณพิมพ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะครูบอกว่าเขาจะมีเงินเยียวยามาให้เดือนละ 2 พัน แต่ตนไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาโอนมาหรือเปล่า ส่วนบัญชีของพ่อตนก็ไม่เคยได้ไปเช็กเลย ขณะที่เรื่องที่พ่อเคยเจอครูปรีชาหรือเปล่า พ่อเขาป่วยพิการซ้ำซ้อน เขาเลยคิดว่าคนที่มาหาเป็นคนมาบริจาค ไม่ได้คิดว่าเป็นครูปรีชา
ฟาก เอกอนันต์ ศรีอินทร์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปราม การทุจริตการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง เผยว่า ลุงปรีชาตลอดรายการการทำบัตรประชาชนมีการทำบัตรโดยใช้เลข 5 นำหน้ามาตลอด ส่วนของ นาย พงศ์ศักดิ์ ศิริบูรณ์ หรือครูปรีชา เวลาทำบัตรประชาชนเขาใช้เลข 3 นำหน้า ซึ่งเป็นข้อมูลของเขาเอง ขณะเดียวกันเมื่อปี 26 ครูปรีชาเอาเลขประชาชนของลุงปรีชาไปสมัครข้าราชการครู ซึ่งตามจริงแล้วเขาไม่ได้ทุจริต หรือไปสวมสิทธิ์เอาชื่อตัวเองไปใส่ แต่เหมือนขโมยเอาเลขบัตรประชาชนคนอื่นมาใช้
ขณะที่การแก้ไขเยียวยา ตนได้ปรึกษากับนายอำเภอ ประจำ อ.ไทรโยค โดยตัวนายอำเภอได้ประสานงานไปให้เขตพื้นที่การศึกษา แก้ไขเลขบัตรประจำตัวประชาชนของลุงปรีชาออก เพื่อให้ได้สิทธิ์ต่าง ๆ กลับมาเหมือนเดิม และแก้ไขเอาเลขประชาชนของครูปรีชากลับมาใส่ตามเดิม อย่างไรก็ตาม หากใครมีปัญหาทางด้านทะเบียนคล้าย ๆ กรณีนี้ ถ้าไปที่อำเภอแล้วไม่คืบหน้า สามารถโทรมาที่สำนักบริหารการทะเบียนเบอร์ 1548
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35