จากเหตุการณ์หนุ่มพลเมืองดี เจอเงิน 7 หมื่นบาทบนแท็กซี่ คืนให้คนขับ หวังให้หาเจ้าของตัวจริง กลายเป็นว่าเจอแท็กซี่แสบ ให้เพื่อนสาวสวมรอยมารับเงิน ซ้ำยังขอให้ช่วยโกหก !
วันที่ 1 พ.ย. 65 มนต์ชัย บุพพัณชาตินานนท์ พลเมืองดีที่เก็บเงินได้ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย กาย สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา เล่าว่า ตนได้เรียกแท็กซี่มารับผ่านแอปฯ พอขึ้นรถ ตนเหลือบไปเห็นกระเป๋าของใครก็ไม่รู้บนแท็กซี่ บริเวณข้างหลังเบาะคนขับ เลยเปิดดูปรากฎว่าเป็นเงินจำนวนประมาณ 7 หมื่นบาท เลยบอกกับคนขับ คนขับบอกว่าน่าจะเป็นของลูกค้าคนก่อนหน้านี้ และยังบอกอีกว่าเขาติดต่อกับลูกค้าคนดังกล่าวได้ เพราะลูกค้าเรียกแท็กซี่ผ่านแอปฯมาเหมือนกัน แต่เป็นคนละแอปฯกับตน ซึ่งจะมีข้อมูลติดต่ออยู่ ตนเลยบอกให้คนขับจอด แล้วกดโทรหาลูกค้าดังกล่าวเลย แต่คนขับปฏิเสธ อ้างว่าไม่สามารถดูได้ เพราะในแอปฯยังติดชื่อของตนอยู่ เขาเลยบอกว่าเดี๋ยวเขาไปแจ้งศูนย์ของแอปฯเอา
หลังจากวันนั้น ตนรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากเป็นจำนวนเงินที่เยอะ อาจทำให้เกิดความโลภกันได้ เลยไปเช็กกับทางแอปฯที่เขาอ้างว่าเจ้าของเงินเรียกแท็กซี่มา ทางแอปฯตรวจสอบ แล้วก็บอกว่าคนขับคนนี้ไม่มีชื่อ และทะเบียนรถอยู่ในระบบ ตนก็รู้สึกแปลก ๆ แล้ว จึงตรวจสอบจากแอปฯที่ตนเรียกมา ทางแอปฯ แจ้งว่า คนขับแท็กซี่ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อยแล้ว พอตนถามว่าสน.ไหน แอปฯก็ไม่ได้ตอบกลับมา วันต่อมา ตนก็ตามเรื่องอีกแอปฯ ก็แจ้งว่า คนขับแท็กซี่ได้ส่งเงินคืนเจ้าของแล้ว ตนเลยถามว่า ทางแอปฯ มีหลักฐานอะไรบ้างว่าเขาคืนเงินจริง ได้มีการตรวจสอบหรือไม่ สรุปก็คือเขาไปคืนเงินกันเอง ไม่ได้คืนผ่านตำรวจ ไม่ได้มีหลักฐานอะไร ตนก็ไม่ยอมเพราะเรื่องเงินมันต้องโปร่งใส เดี๋ยวกระแสจะโจมตีตน เลยขอเบอร์ทั้งคนขับ และคนรับเงิน แต่ได้แค่เพียงเบอร์คนรับเงิน
ตนจึงโทรไปหาคนที่มารับเงิน เป็นเสียงผู้หญิงรับ เขาก็อธิบายปกติว่าขึ้นจากตรงไหน ลงตรงไหน และอ้างว่าลืมจริง ๆ เพิ่งจะกดเงินมา ตอนแรกตนก็ว่าจะขอสลีปที่เขาใช้กดเงิน หรือถ้าไม่มีก็จะขอสเตทเม้น ที่กดเงินออกมา แต่สุดท้ายเขาดันบอกว่ายังไม่ได้รับเงิน อ้างว่าเขาทำงานอยู่ ยังไม่ว่างไปรับเงิน แล้วตัวแท็กซี่ก็ยังไม่ผ่านมาแถวที่เขาอยู่ ถ้าหากเขาผ่านมาแถวนี้เขาจะเอาเงินมาให้ จากตรงนี้ตนพบข้อผิดสังเกตุว่า ถ้าเป็นตนทำเงิน 7 หมื่นหาย แท็กซี่จะอยู่ตรงไหนก็แล้วแต่ ยังไงก็ตามไปเอา หรือเรียกเขามาแล้วให้ค่าเสียเวลาเอา หลังจากนั้นตนก็คุยต่อ ตนบอกว่าตนไม่ยอมที่จะรับเงินเอง ต้องมีพยานยืนยัน หรือไปที่สถานีตำรวจ ทางคนที่รับเงินเขาก็บอกว่า เดี๋ยวเขาคุยกับแท็กซี่ก่อนว่าจะเอายังไง หลังจากวางสายไป คนขับแท็กซี่ก็โทรมาหาตน บอกขอโทษ และยังขอให้ตนช่วยโกหกแอปฯ ว่าเรื่องมันจบแล้ว แล้วเขาจะพาตน เอาเงินไปคืนกับเจ้าของ ส่วนผู้หญิงที่เขาอ้างว่าเป็นเจ้าของเงินตอนแรก จริง ๆ แล้วเป็นเพื่อนเขาเอง ซึ่งสาวคนนี้เขาไม่ขอยุ่งกับเรื่องนี้แล้ว อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ได้สร้างคอนเทนต์ ไม่มีสร้างเรื่องแน่นอน
ด้าน บี (นามสมมติ) ลูกสาวโชเฟอร์แท็กซี่ กล่าวว่า ตนคิดว่าพ่อของตน ไม่ได้เจตนาจะไม่คืนเงินกับเจ้าของ เนื่องจาก พ่อของตนยังต้องทำมาหากิน แท็กซี่ก็เป็นชื่อของเขา ทำอะไรไปมันมีหลักฐานมัดตัวสามารถตามตัวได้ แต่พ่อก็ชะล่าใจไม่ยอมไปแจ้งความ ยอมรับว่าพ่อทำไม่ถูกตรงนี้ อย่างไรก็ตามพ่อได้ดำเนินการเอาเงินไปมอบให้กับตำรวจแล้ว ที่สภ.สำโรงเหนือ เมื่อคืน(31 ต.ค.)
ฟาก สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เผยว่า การที่มีคนทำของตก แล้วมีคนเอาไป ระวังจะโดนคดีเรื่องลักทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6 หมื่น ทั้งนี้มันเป็นเงินจำนวนมาก สมควรจะรีบนำไปคืน หรือส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีทันใด
ฝั่ง พ. ต. อ. อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก. สภ. สำโรงเหนือ เผยว่า ตอนนี้เงินดังกล่าวอยู่ที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ จำนวน 7.5 หมื่นบาท และได้ติดตามตัวคนขับแท็กซี่มาพบ ก็สืบทราบคนที่แท็กซี่จำได้ว่าเป็นลูกค้าเจ้าของเงิน 3 คนแล้ว แต่ทั้ง 3 ท่านยืนยันว่าไม่ใช่เจ้าของเงิน ส่วนประเด็นที่ว่าคนขับแท็กซี่จะมีเจตนาไม่ดีหรือไม่ ทางตำรวจจะติดตามทั้งพลเมืองดี และคนขับแท็กซี่มาให้ปากคำอย่างละเอียด ถ้าหากพบว่ามีเจตนาไม่ดี เราก็จะดำเนินคดี ในข้อหายักยอกทรัพย์ เจตนาเบียดบังเอาไปโดยทุจริต
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35