แฉใหญ่ ! เซียนพนัน ถูกบ่อนย่านเลียบด่วนฯ จับถุงคลุมหัว ปล้นเงิน 5 ล้าน : ช็อตเด็ด ถกไม่เถียง

กลุ่มเซียนพนัน รวมตัว ร้องสื่อ หลังถูกบ่อนใหญ่ ย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา อุ้มซ้อม จับถุงคลุมหัว ขู่ห้ามแจ้งความ อ้างบ่อนถูกโกง ตร.เผย ตรวจสอบบ่อนอยู่ตลอด ! 

 

 

            วันที่ 27 ต.ค. 65 เจ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ บ่อนกล่าวหาว่าพวกตน 7 คนโกงเงินบ่อน เขาจึงเรียกทุกคนขึ้นไปชั้น 2 ของบ่อน ขังไว้ 2-3 ชั่วโมง และได้ยึดโทรศัพท์ของทุกคนไป แต่มันเหลืออยู่เครื่องหนึ่ง ของนายชัย ตนจึงแอบไปโทรศัพท์ในห้องน้ำขอความช่วยเหลือจากตำรวจ จากนั้นไม่นานตำรวจก็โทรกลับมาบอกว่าที่เกิดเหตุ "มันเป็นบ่อนใช่ไหม" ก่อนจะตัดสายไป ต่อมาไม่นานคนในบ่อน มาถามว่ามีคนแจ้งตำรวจไปใช่ไหม ก่อนจะยึดโทรศัพท์เครื่องที่เหลือไป ทำให้ตนสงสัยว่าเขารู้ได้ยังไง เพราะไม่ได้มีใครบอก คิดว่าอาจจะเป็นทางตำรวจเป็นคนบอกบ่อน 

 

            หลังจากนั้นอีก 30 นาที เขาก็เอารถตู้ บังคับให้ทุกคนขึ้นไป แล้วออกจากบ่อน ไปขับวนแถวรามอินทรา อยู่เป็นชั่วโมง ก่อนจะพากลับมาที่บ่อน ตนคาดว่าน่าจะพาออกจากบ่อนเพื่อให้ตำรวจเข้าไปค้นในบ่อนให้เคลียร์ก่อน จากนั้นเขาก็เรียกคนที่เขาอ้างว่าเป็นทหาร 3 คนมา เขาบังคับให้ทุกคนนั่ง มัดแขนมัดขา เอาถุงคลุมหัว บีบบังคับให้เอารหัสบัตรเอทีเอ็ม รหัสโมบายแบงค์กิ้ง โดยตนโดนเอาเงินไปประมาณ 2.5 ล้านบาท 

 

            ด้าน ชัย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเป็นคนที่ไม่ถูกคลุมหัว เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เนื่องจากตนแกล้งทำเป็นหอบ เขาเลยไม่ได้ทำอะไรตน ส่วนคนอื่น ๆ กรี๊ดกลัวกันหมด ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้โกงบ่อน แค่แทงตามคนอื่น กลับถูกกล่าวหาว่าใช้โทรศัพท์ไปเอ็กซ์เรย์ใต้ไพ่ ขณะเดียวกัน เขายึดโทรศัพท์ กระเป๋าไปตรวจแล้วก็ไม่เจออะไร อย่างไรก็ตามตนถูกโอนเงินออกไป 2 แสนบาท   

 

 

            ฟาก ม่อน (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เผยว่า บ่อนกล่าวหาว่าตนโกง เพราะวันนั้นเราแทงได้กันมา ติด ๆ กันหลายตา ทำให้คนอื่นแทงตาม ๆ กันมา แต่จริง ๆ แล้วก็แทงได้แทงเสีย สรุปแล้ววันนั้นตนเสียไป 1 หมื่น ตอนช่วงที่ถูกเอาถุงคลุมหัว รู้สึกเหมือนจะตายแน่ ๆ ไม่รอดแน่ ๆ เลยบอกเขาเงินในบัญชีเอาไปได้เลย เขาเอารหัสไปกดเงินออกกันเอง ซึ่งก็โดนเอาเงินไปเกือบ 4 แสนบาท 

 

            ขณะเดียวกัน บี (นามสมมติ) ผู้เสียหาย กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้โกงบ่อนเช่นกัน เพราะมันเป็นบ่อนใหญ่ มีการ์ดกว่า 20 คน ส่วนช่วงที่โดนถุงคลุมหัว ตอนนั้นตนช็อกเลย เนื่องจากมีโรคประจำตัว ถูกเอาเท้าถีบหน้า ล็อกแขนล็อกขา แล้วก็เอาถุงมาคลุมหัว และได้บังคับให้เอาเงินมาหมด ก่อนจะขู่ว่าอย่าไปแจ้งความ ได้ถ่ายบัตรประชาชนไว้หมดแล้ว ตนได้แต่กรี๊ด คิดว่าไม่รอดแล้วแน่ ๆ อ้อนวอนบอกเขาอยากได้เงินเท่าไหร่ก็เอาไปให้หมดเลย ทั้งนี้ถูกเอาเงินไปประมาณ 2 แสนบาท 

 

            ด้าน เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้แล้ว แต่ผ่านท่เดือนหนึ่ง คดีก็ยังไม่คืบหน้า ตำรวจแค่ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเฉย ๆ ว่าถูกแค่ทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องของการปล้นทรัพย์ ต้องถูกดำเนินคดี เขาเลยมาขอให้ตนช่วย 

 

 

            ฟาก สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เผยว่า จากข้อมูลที่ตนได้มา ทราบว่า มีนายเก้า กับพวกรวม 7 คน เข้าไปโกงที่บ่อนพนันแห่งนี้ โดยมีพนักงานในบ่อนรู้เห็นด้วย พฤติกรรมของกลุ่มนี้ หากวันไหนบ่อนใช้กล่องใส่ไพ่สีใส กลุ่มนี้จะเข้ามาเล่น แต่ถ้าเป็นกล่องทึบก็จะไม่มา ซึ่งวันที่เกิดเหตุเขาจงใจใช้กล่องใส ปรากฎว่ากลุ่มนี้ก็เข้ามา เลยจัดการรวบตัวไว้ พวก 7 คนดังกล่าวก็ยอมรับว่าโกงจริง ชุดโกงเลยตกลงคืนเงินให้ 3 ล้านบาท ต่อมาได้มีการไปแจ้งความ ทางเจ้าของบ่อนเลยตกลงกับชุดโกงให้จบเรื่อง เพราะไม่อยากมีปัญหาธุรกิจ โดยจะรับผิดชอบจ่ายเงินให้ 2.3 ล้านบาท จ่ายเป็นเงินสดให้ชุดโกงไปวันนั้น 5 แสน ส่วนที่เหลือจะผ่อนจ่ายให้เดือนละ 1 แสน แต่ทว่าไม่มีการผ่อนจ่าย ทำให้มีเรื่องมีราวตามมา 

 

 

            ขณะที่ พล.ต.ต. อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เผยว่า เคสนี้ฝ่ายคู่กรณี พร้อมกับนายสมชาย ได้มาพบพนักงานสอบสวนพร้อมกันเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 65 มาตกลงชดใช้ค่าเสียหายกรณีทำให้เสียทรัพย์ 2.3 ล้านบาท และทั้งคู่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาวันที่ 16 ก.ย. 65 ทั้งคู่ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน ครั้งที่ 3 วันที่ 21 ต.ค. 65 ผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ตามที่ให้ข้อมูลกับทางรายการ พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวน รับการร้องทุกข์ และได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา 2 ราย ซึ่งตนได้เร่งรัดพนักงานสอบสวนให้รีบนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามทาง ตร. ได้มีการตรวจสอบบ่อนพนันในพื้นที่ และจัดการอยู่ตลอด 

 

            เจ (นามสมมติ) เผยต่อว่า ตนคือ นายเก้า ส่วนเรื่องการแจ้งความ ยืนยันว่าตนแจ้งความบอกรายละเอียดชัดเจนไปตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. 65 แล้ว แต่เขาไม่ได้พิมมาในใบบันทึกประจำวัน ขณะที่ตนเซ็นรับไปก็เพราะตนไม่รู้กฎหมาย เขาพิมมาตามนี้ ตนก็ว่าไปตามนี้