ฉาววงการสีกากี หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้ตรวจอาวุธปืนในคลังของโรงพักทุกแห่งทั่วประเทศ โดยที่ สภ.ปากเกร็ด พบว่า อาวุธปืนประจำสถานีหาย (ปืนหลวง) จำนวน 160 กระบอก จนเมื่อวานนี้สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุยศดาบตำรวจได้ ที่อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ขณะกำลังหนีออกนอกประเทศ และได้พาตัวมาสอบสวนที่สโมสรตำรวจ
โดยผู้ก่อเหตุ คือ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งทำหน้าที่เบิกจ่ายอาวุธปืนจากคลังของ สภ.ปากเกร็ด ขณะจับกุมผู้ต้องหายังอยู่ในชุดเสื้อยืดกีฬา และกางเกงขาสั้น ค้นพบอาวุธปืนจำนวนหนึ่งของ สภ.ปากเกร็ด ที่หายไป เป็นปืนลูกโม่ 42 กระบอก ซิกซาวเออร์ 68 กระบอก และ กล็อค 24 กระบอก
เมื่อคืนนี้ได้นำตัว ดาบตำรวจนายดังกล่าวจากจังหวัดหนองคายมุ่งหน้าเข้ามายังสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อสอบสวนขยายผล ซึ่งในเบื้องต้น ดาบตำรวจ (ผู้ต้องหา) อ้างว่า ไม่มีเจตนาจะหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะไม่มีพรรคพวกอยู่ในประเทศดังกล่าว จึงไม่คิดหลบหนีไป
ด้านพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ดาบตำรวจรายดังกล่าวได้ทยอยขโมยปืนหลวงออกจากสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ดทีละ 3-5 กระบอก พร้อมระเบิด และนำไปปล่อยขายให้กับผู้รับซื้อนับ 10 คน เพื่อนำเงินมาใช้หนี้พนัน โดยทันทีที่รู้ว่าตำรวจรู้ตัวก็หลบหนีไปอาศัยรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย และย้ายไปรีสอร์ตอีกแห่งซึ่งอยู่ไม่ห่างมากนัก
กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. ขณะที่ตำรวจสอบปากคำผู้ต้องหา ได้มีโทรศัพท์มาที่สโมสรตำรวจ แจ้งว่าได้นำปืนใส่กระเป๋ามาทิ้งไว้ใกล้ ๆ กับสโมสร ซึ่งทันทีที่ทราบเรื่อง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้ให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด ขับรถยนต์ออกไปตรวจสอบ ไม่นานก็ขับกลับมาพร้อมกระเป๋าเดินทางสีเลือดหมู ซึ่งต้องใช้เจ้าหน้าที่แบกถึง 2 คน จึงสามารถนำกระเป๋าเข้ามาที่ห้องสอบสวนได้ คาดว่าเป็นอาวุธปืนสั้นจำนวน 20 กระบอก ทั้งยังมีมือดีเอาปืนสั้นพร้อมกล่องมาทิ้ง 2 กระบอก และยังมีคนโทรศัพท์มาแจ้งเบาะแสทิ้งปืนอย่างต่อเนื่อง
ต่อมา พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมายอมรับว่า ได้รับมอบปืนคืนมาแล้ว 27 กระบอก คาดว่าประชาชนที่ครอบครองปืนตกใจแล้วนำมาคืน ทั้งนี้ ยืนยันว่าสามารถตรวจสอบปืนที่ได้รับคืนมาทุกกระบอกได้ โดยฝากเตือนไปยังผู้ครอบครองให้เร่งนำมาคืน โดยมั่นใจว่าภายใน 2-3 วันนี้ จะได้ของกลางคืนมาทั้งหมด
ส่วนผู้ต้องหายังถูกสอบสวนเครียดที่สโมสรตำรวจ และคาดว่าจะเป็นการสอบสวนยาว ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ (21 ต.ค.) เนื่องจากต้องการรู้รายละเอียดถึงการขโมยและการกระจายอาวุธปืนไปตามแหล่งรับ-ซื้อ จำนำต่าง ๆ สำหรับสาเหตุที่ปืนหายออกจากสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ดได้ง่าย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า เป็นเพราะความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีการตรวจสอบการเบิก หรือคืนอาวุธในคลัง ซึ่งจากนี้ไปผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เน้นย้ำไปยังทุกสถานีตำรวจภูธรให้ดำเนินการตรวจสอบและลงระบบให้ชัดเจน
ขณะที่ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ ผู้กำกับการ สภ.ปากเกร็ด ไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนอาวุธปืนที่หายไปนั้น ได้มีการสั่งการให้ทุกพื้นที่เร่งระดมสืบหาเอากลับมาคืนให้ได้มากที่สุด
และเตือนไปยังผู้ที่รับจำนำ หรือรับซื้อไว้ ว่าอาวุธปืนของทางราชการหากมีไว้ในครอบครองก็จะมีความผิด โดยขอให้นำมาคืนให้กับทาง สภ.ปากเกร็ด
ส่วนผู้ต้องหา ซึ่งเป็นดาบตำรวจ มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องด้วยดาบตำรวจนายดังกล่าวถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยต้องคดีอาญาในความผิดฐาน "ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ" ตามคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด
ล่าสุด รองผบช.ภ.1เผยอีกว่า ทั้งนี้จากการขยายพลเข้าตรวจค้นเมื่อคืนมีผู้รับจำนำรับซื้อปืน 3 ราย สมัครใจยินยอมให้เข้าตรวจค้นบ้าน ได้ปืนมาเพิ่มอีก 3 กระบอก รวมขณะนี้ได้ปืนกลับมาแล้ว 30 กระบอก ปืนส่วนใหญ่ผู้ต้องหาเอาไปจำนำในบ่อน นักพนันด้วยกัน และนักการเมืองท้องถิ่น ช่วงเช้านี้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้นหาอาวุธปืนอีกหลายจุดในพื้นที่ กทม. พื้นที่ตำรวจภูธรภาค1 และพื้นที่ตำรวจภูธรภาค7
ส่วนผู้รับจำนำรับซื้อปืนสมัครใจเอาปืนมาคืนต้องพิจารณาความผิดโทษหนักเบาตามพฤติกรรม บางส่วนอาจกันไว้เป็นพยาน สำหรับผู้ต้องหาภายหลังการสอบสวนที่สโมสรตำรวจ ช่วงเวลา 03.00 น. วันที่ 21 ต.ค ควบคุมตัวไปคุมขังที่ สภ.ปากเกร็ด เจ้าหน้าที่จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤตมิชอบ ภาค 1 ที่ จ.สระบุรี ช่วงเที่ยงวันนี้
ติดตาม รายการ "ข่าวเย็นประเด็นร้อน" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35