ผู้เสียหายร้อง หลังถูกบิกไบก์ตัวแสบ หัวหมอ เนียนจัดฉากขับชน ย่านรังสิต แล้วเรียกเงินค่าเสียหายหลักล้าน บริษัทประกัน กับ ตร. เผยว่า "เจอพี่มิจเข้าแล้ว" แฉอีก กลุ่มนี้มีไม่ต่ำกว่า 100 เคส !
วันที่ 20 ต.ค. 65 สมบัติ เซี่ยงเห็น (อ้น) กับ นราทิพย์ พานวิจิตรกุล (เบลล์) เจ้าของรถยนต์ที่ถูกชน ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 9 มิ.ย. 65 วันนั้นตนกับภรรยาไปทานข้าว พอทานเสร็จตนก็ขับรถจะกลับบ้าน ระหว่างกำลังเลี้ยวรถออกจากร้าน ตนรอจนมั่นใจว่าปลอดภัย จึงเลี้ยวออก แต่พอเลี้ยวออกมาตนได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรมาสะกิดอยู่ท้ายรถ ซึ่งก็มีมอเตอร์ไซค์มาชนอยู่ท้ายรถ แต่มันเบามากแทบจะไม่รู้สึก ตอนแรกก็ยังสงสัยอยู่ว่าชนหรือเปล่า ถามแม่ค้าแถวนั้นเขาก็บอกว่าแทบไม่ได้ชน ต่างคนต่างไปดีกว่า
จนได้เข้าไปถามมอเตอร์ไซค์คู่กรณีว่าชนกันหรอ เขาบอกว่า เขามัวแต่ขับมองซ้ายมองขวาหาบ้านเพื่อน เงยหน้ามาก็เจอรถตนแล้ว เลยไม่ได้ทันระวัง พอไปดูหลังท้ายรถของตน มันก็เป็นรอยล้อรถนิดหน่อย แค่เอามือลูบมันก็จางแทบจะไม่เห็นแล้ว เลยบอกเค้าว่า ต่างคนต่างไปก็ได้ เพราะตนไม่ได้ซีเรียส และรถเขาก็แทบจะไม่มีรอยขีดข่วนเช่นกัน ตัวคู่กรณีเขาก็บอกว่าต่างคนก็ต่างเคลมประกันของตัวเองไป แต่พอผ่านไปสักพักเขาบอกว่าประกันของเขาขาด พอเขาได้คุยกับทนายแล้ว ทนายของเขาให้ตนเคลมประกัน และซ่อมมอเตอร์ไซค์ให้เขาด้วย และทนายยังบอกอีกว่า ยังไงรถใหญ่ก็ผิด ตนก็โวยวาย เนื่องจากตอนแรกเขาบอกว่าเขาเป็นคนผิด เขาก็บ่ายเบี่ยง อ้างแต่ทนายบอกให้ไปคุยกันที่ สน. พอที่ไป สน. ตนก็เล่าให้ตำรวจฟัง พร้อมกับเจ้าหน้าที่ประกัน สุดท้าย ตำรวจเขาก็บอกว่ายังไงรถใหญ่ก็ผิด ให้ตนเซ็นรับไป โดยใช้ข้อกฎหมายประมาณว่า แม้ตนออกมาจากซอยจะตั้งลำแล้ว แต่ยังไม่พ้นระยะตากฎหมาย ตนก็เซ็นรับไป ไม่ได้คิดอะไร อย่างไรก็ตามตอนนั้นยังไม่ได้หากล้องวงจรปิดให้ตำรวจดู
หลังจากนั้นผ่านไปสัก 2-3 เดือน ตนก็ได้ทราบว่า ประกันยังไม่ออกใบเคลมให้เขา เพราะฝั่งคู่กรณีเรียกค่าเสียหายเกินจริง โดยเรียกค่าซ่อมไปทั้งหมด 6.3 แสนบาท และยังอ้างว่าไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 2.3 เดือน ประกันเขาคงมองว่ามันไม่สมเหตุสมผล เลยยังไม่จ่าย ทนายของเขาเลยส่งจดหมายว่าจะฟ้อง ตน และบริษัทประกันให้ร่วมกันชดใช้ประมาณ 1.1 ล้านบาท โดยเขาบอกว่ารถของเขาไม่สามารถใช้การได้ 80 วัน เขาเสียค่าขาดประโยชน์วันละ 5 พัน ทั้งหมด 4 แสนบาท เพิ่มจากค่าซ่อมรถ แต่ทั้งนี้ตนไปทราบมาว่า ในระยะเวลาที่เขาอ้างว่ารถไม่สามารถใช้ได้ เขาได้นำรถคันเดียวกันไปเกิดเหตุในลักษณะเดียวกันนี้แถวคูคตอีกครั้ง ทำให้ตนสงสัยว่าเขาเอาไปได้ยังไง แล้วมันคืออะไร สุดท้ายประกันเขาก็ไม่ได้จ่าย ประกันชดใช้แค่ 5 พันบาท และรู้สึกเหมือนคู่กรณีเขาจะเอาด้วย ประกันบอกถ้าไม่เอาก็ไปฟ้องเอาเอง
ขณะที่ตอนที่เกิดเหตุเขาไม่ได้มีอาการบาดเจ็บใด ๆ ทั้งสิ้น ยังเข็นรถของเขาเข้าข้างทางได้ปกติ แถมยังขับรถไป สน. เองได้ด้วย แต่พอตอนที่อยู่ สน. เขากลับมีอาการเจ็บจนตนเห็นแล้วยังหมั่นไส้ เดินกะเพลกเหมือนคนกระดูกแตก สุดท้ายเขาก็ขี่รถไปโรงพยาบาลเองด้วย ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่แถวซอยลาซาล แต่เขายืนยันจะไปโรงพยาบาลแถวรามอินทรา
ด้าน บี นามสมมติ คนขับรถบิกไบก์ เผยว่า ตนเจ็บหนักจริง ๆ โดยบาดเจ็บบริเวณเอ็นข้อเท้า และหน้าอก เพราะถูกรถบิกไบก์ล้มทับ ช่วงจังหวะที่เกิดเหตุมันรวดเร็ว ตนไม่ได้ไปสังเกตุว่ามันจะต้องท่าไหนยังไง ตอนไป สน. ตนขี่บิกไบก์ไปจริง แต่ตอนไปโรงพยาบาลตนไม่ได้ขี่บิกไบก์ไป ขณะที่การรักษา ตนมีหลักฐานยืนยันหมด ทั้ง ใบรับรองแพทย์ ใบชันสูตรของพนักงานสอบสวน ภาพถ่ายการรักษาตัว ทั้งนี้ตนได้ส่งจดหมายร้องถึงบริษัทประกันภัย ว่าให้นำรถบิกไบก์ไปจัดซ่อมให้อยู่ในสภาพเดิม 3 ครั้ง แต่บริษัทประกันภัยก็ไม่เอารถไปจัดซ่อม และได้ถามเหตุผลเขาว่าทำไมถึงไม่นำไปซ่อม เขาก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่ายินยอมชดใช้ 5 พันบาท ซึ่งตนก็ไม่ได้รับเงินจำนวนนี้ ทำให้คดียังไม่จบ กำลังอยู่ระหว่างการยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จริง ๆ แล้วถ้าเขาเอารถไปซ่อมให้เหมือนเดิม ก็ไม่มีอะไรแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าตนทำอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือคิดว่าตนจงใจทำให้เกิดเหตุ ก็ดำเนินการแจ้งความมาได้ ตนพร้อมไปพิสูจน์ในชั้นศาล
ส่วนความเสียหายของรถ มันไม่ได้ล้มแปะ น้ำหนักรถมันเยอะ พอล้มทำให้ความเสียหายมันเยอะ ส่วนอาการบาดเจ็บ ด้วยสัญชาตญาณตอนแรกมันไม่ได้รู้สึกเจ็บ ตนกลัวว่ารถข้างหลังจะมาทับเลยรีบเข็นเข้าข้างทาง ทั้งนี้ตนเคยเกิดเหตุลักษณะแบบนี้หลายครั้ง แต่ไม่ได้เกิดเหตุบ่อย แต่ก่อนตนมีรถบิกไบก์หลายคัน ขณะเดียวกัน โพสต์ที่เป็นประเด็น ที่โพสต์ว่า "รถในสต๊อก.....พร้อมจัด #พร้อมชนจริง #คนอย่างผมไม่จัดฉากหรอก #ชนจริง #รอยล้มจริงสดๆ #แผลใหม่ชนจริง" โพสต์อันนั้นรูปภาพเป็นของตนจริง แต่โพสต์ไม่ได้เป็นของตน มันมีการตัดต่อ ยืนยันว่าของตนเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครยอมขับรถไปชนให้แขนขาหักฟรี ๆ แน่นอน
ฟาก สุวัฒน์ ระดมสุทธิกุล รองประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า จริง ๆ แล้วเคสนี้อาจจะเป็นประมาททั้งสองฝั่งได้ เพราะรถใหญ่เลี้ยวออกมาจากซอย มันเหมือนทางร่วมทางแยก ฝั่งมอเตอร์ไซค์เขาก็มีหน้าที่ต้องระมัดระวังชลอความเร็วด้วย แต่รถใหญ่อาจจะเสียเปรียบมากกว่า เพราะออกมาจากซอย
นอกจากเคสนี้ ยังมีอีกหลายเคสที่เกิดเหตุมาร้องเรียนพฤติกรรมลักษณะนี้ ซึ่งตอนนี้บริษัทประกันที่มีหลักฐาน เขาก็ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับคุณบีแล้ว เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันหลายครั้ง จึงมีข้อน่าสงสัย
ขณะที่ ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ทนายความ ให้ความเห็นว่า กรณีที่รถเลี้ยวออกมาจากซอย แล้วยังไม่ได้ตั้งลำ ดันมาเกิดอุบัติเหตุ ไม่จำเป็นว่าจะต้องผิดเสมอไป ถ้าในระยะนั้นอีกฝ่ายสามารถหยุดรถได้ หรือชะลอรถได้ เราก็ไม่ได้เป็นฝ่ายประมาทซะทีเดียว ต้องเป็นกรณี ๆ ไป
ส่วนตัวของคุณบี ถ้ามั่นใจในสิ่งที่ได้รับความเสียหาย ก็ต้องใช้สิทธิทางศาล แต่ถ้าศาลพิจารณาว่าไม่ได้เป็นการฟ้องด้วยความสุจริต อีกฝั่งก็มีสิทธิฟ้องกลับได้ ขณะเดียวกันฝั่งของคุณเบลล์ แล้วคุณอ้น แม้ว่าจะให้การรับสารภาพไปแล้ว เราก็สามารถให้การใหม่ได้ เพราะเรามาดูพยานหลักฐานใหม่ คือกล้องวงจรปิด จึงแนะนำให้ไปให้การใหม่ เพื่อรอการพิสูจน์ใหม่
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35