logo ข่าวเย็นประเด็นร้อน

คุมตัว ! ผู้นำลัทธิเถื่อน กักขัง ทำร้ายเหยื่อ ใช้จิตวิทยา ข่มขู่ให้ใช้หนี้ทิพย์

ข่าวเย็นประเด็นร้อน : ตำรวจนครบาล คุมตัวผู้นำลัทธิเถื่อน มาสอบปากคำ ก่อนสารภาพไม่สะทกสะท้าน รับเทน้ำร้อนใส่เหยื่อผู้เสียหายจริง ขณะที่ลูกสมุนแฉหม ช่อง7,ช่อง7HD,CH7,CH7HD,7HD,CH7HDNEWS,ข่าว,ข่าว7,ข่าวช่อง7,ข่าววันนี้,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ข่าวสด,ข่าวเด็ด,ข่าวด่วน,ข่าวร้อน,ข่าวไทย,ข่าวออนไลน์,ข่าวโซเชียล,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค,ข่าวอาชญากรรม,ข่าวกีฬา,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวการเมือง,ดูทีวีย้อนหลัง,ดูรายการย้อนหลัง,ดูย้อนหลัง,ถกไม่เถียง,ทินถกไม่เถียง,TERODigital,ข่าวเย็นประเด็นร้อน,สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา,สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์,เปรมสุดา สันติวัฒนา,ฝนฟ้าอากาศ

233 ครั้ง
|
18 ต.ค. 2565
ตำรวจนครบาล คุมตัวผู้นำลัทธิเถื่อน มาสอบปากคำ ก่อนสารภาพไม่สะทกสะท้าน รับเทน้ำร้อนใส่เหยื่อผู้เสียหายจริง ขณะที่ลูกสมุนแฉหมดเปลือก ถูกสั่งให้ตบหน้าเด็ก จนกว่าเสียงจะดังอยู่ในระดับที่พอใจ ล่าสุด มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มแล้ว
 
หลังจากเมื่อวานนี้ พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำกำลัง บุกเข้าไปตรวจค้นห้องพักแห่งหนึ่ง ย่านถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ พบ ผู้เสียหาย 5 คน คือ น.ส.ไพริน อายุ 46 ปี มีบาดแผลการถูกน้ำร้อนลวกบริเวณไหล่ซ้าย น.ส.พลอย อายุ 34 ปี มีบาดแผลถูกน้ำร้อนลวก น.ส.ไข่มุก อายุ 48 ปี มีบาดแผลการถูกน้ำร้อนลวกบริเวณหน้าอก ด.ญ. ยา อายุ 10 ขวบ มีบาดแผลฟกช้ำบริเวณเบ้าตา และ ด.ช. เช่ อายุ 6 ขวบ มีบาดแผลฟกช้ำบริเวณเบ้าตา และ ลูกตามีรอยแดง
 
ซึ่งระหว่างเจ้าหน้าที่สอบถาม พบว่า ผู้เสียหาย มีอาการหวาดกลัว-ผิดปกติ ก่อนทราบถึงข้อเท็จจริงสุดพิสดาร ว่า ผู้ใหญ่ทั้ง 3คน อดีตเป็นพยาบาล แต่กลับต้องลาออก มาทำธุรกิจร่วมกับ “นายทุน” ซึ่งอ้างตัวเป็นนายแพทย์ แถมยังคลั่งลัทธิ ซึ่งเมื่อเริ่มขับเคลื่อนธุรกิจ นายทุน เริ่มใช้ ความกลัวเข้ากดขี่ อย่างเช่น หลอกว่างานไม่สำเร็จ มีค่าปรับ ลูกค้าเรียกเก็บเงินคืน ถ้าไม่ทำจะถูกดำเนินคดี ทำให้เกิดความกลัว ยอมตกเป็นเบี้ยล่าง ทำงานใช้หนี้ทิพย์ มากว่า 3 ปี แถมยังต้องหาเงินให้ได้วันละ 6 หมื่นบาท หากหาเงินไม่ได้ จะถูกทำร้ายร่างกาย โกนผม น้ำร้อนลวก จนระยะหลัง ๆ เริ่มข่มขู่ให้ทำร้ายเด็กทั้งสองคน จนผู้เสียหายทนไม่ไหวตัดสินใจ ไปขอความช่วยเหลือกับญาติ นอกจากนี้ ผู้เสียหายทั้ง 3 คนยังเข้าใจว่าตนเองตกเป็นหนี้นายทุนผู้นี้ถึง จำนวน 140 ล้านบาท ทั้งที่แท้จริง ทั้ง 3 คน ถูกนายทุนหลอกลวงทรัพย์สินไปแล้ว ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
 
ต่อมา ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายฮารุ อายุ 39 ปี และ นายตรีเพชรรัตน อายุ 20 ปี และ เมื่อไปตรวจค้นพัก พบหนังสือจำนวนมาก ภาพวาด และ เครื่องบูชา แสดงถึงการคลั่งลัทธิอย่างมาก
 
นายฮารุ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยอมรับเพียงว่า ได้เทน้ำร้อนผู้เสียหายจริง ส่วนเรื่องการสั่งให้ตบหน้าลูกนั้นไม่เป็นความจริง ส่วนด้าน นายตรีเพชรรัตน ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ได้รับคำสั่งจาก นายฮารุ ให้คอยควบคุมเหยื่อ โดยช่วงหลังบังคับให้ตระเวนยืมเงินจากเพื่อนในเฟซบุ๊ก ไลน์ คนรู้จัก โดยจะต้องหาเงินให้ได้ 60,000 บาท ภายใน 48 ชม. หากไม่ได้ นายฮารุ จะสั่งให้ตน ทำร้ายร่างกายบ้าง ตัดผม ส่วนกรณีการตบหน้าเด็ก ถ้าเสียงตบไม่ดังอยู่ในระดับที่นายฮารุพอใจ ก็จะสั่งให้ผู้เสียหายตบจนพอใจ ซึ่งช่วงแรก ๆ ที่ตนเข้ามาอยู่ใหม่ ๆ พี่พยาบาลทั้ง 3 คน ก็เคยรุมทำร้ายร่างกายตนตามคำสั่งของนายฮารุ เช่นกัน
 
ล่าสุด ที่ สน.บวรมงคล มี นางเจริญศรี หนึ่งในผู้เสียหายที่เคยถูกนายฮารุ หลอกเงินไปลงทุนกว่าล้านบาท เดินทางเข้าดูตัวผู้ต้องหาเพิ่มเติม หลังได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวน สน.บุพพาราม ที่ตนเองเคยแจ้งความไว้เมื่อปี 2560
 
นางเจริญศรี เล่าว่า  รู้จักกับนายฮารุ มาตั้งแต่ปี 2555 จากการที่นายฮารุ เป็นลูกค้าร้านอาหารของตนเอง และ ยังเป็นครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษ ให้แก่ลูกสาวตนเอง โดยนายฮารุ อ้างว่า จบมาจากสถาบันใหญ่ในประเทศ ก่อนที่ต่อมาช่วงปี 2560-2561 นายฮารุ ได้ชักชวนตนลงทุนเซ้งร้าน ย่านตอกข้าวสาร โดยมีการพาตนเองไปดูสถานที่หลายครั้ง แต่ไม่ให้ตนเองพูดคุยกับคนในบริเวณนั้น อ้างว่า  นายฮารุ จะยกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าเก่า เกรงว่า หากตนเองเข้าไปพูดคุยจะทำให้ผู้เช่าเก่าไม่ยอมออก เมื่อตกลงจะลงทุน ก็เริ่มมีการโอนเงินไปให้หลายครั้ง รวมกว่าล้านบาท ในระยเวลา 1 เดือน เมื่อโอนเงินครบตามตกลง ปรากฏว่า นายฮารุก็หายไปไม่สามารถติดต่อได้ และ พอเข้าไปสอบถาม พ่อค้าแม่ค้า ในระแวก นั้นที่อ้างว่าจะเซ้งร้าน ปรากฏว่า ไม่มีใครรู้เรื่องเลย จึงมั่นใจว่าตนเองถูกหลอกแน่นอน จึงเข้าแจ้งความที่ สน.บุพพาราม นอกจากตนเองแล้ว ยังทราบว่ามีเจ้าของร้านทำผมที่อยู่ใกล้ร้านตนเองก็ถูกหลอกให้โอนเงินด้วย รวมแล้วหลักหมื่นบาท แต่ไม่ทราบว่ามีการเข้าแจ้งความหรือไม่
 
ในเวลาต่อมา ตำรวจมีการคุมตัวนายฮารุ และนายตรีเพชรรัตน ไปขออำนาจศาลอาญาตลิ่งชันฝากขัง โดยมีการคุมตัวไปพร้อมกับของกลางที่นำมาจากห้องพักที่เกิดเหตุ ซึ่งทีมข่าวสังเกตุเห็นว่า มีในส่วนของผ้ายันต์ และ เครื่องรางต่าง ๆ ที่ผู้ต้องหาเคยตั้งเป็นท่านบูชาไว้ภายในห้อง ไปพร้อมกันด้วย
 
โดยระหว่างที่ผู้ต้องหาทั้งสองเดินทางลงจากห้องสอบสวน ผ่านกลุ่มสื่อมวลชนที่เฝ้าติดตาม ทีมข่าวก็ได้มีการสอบถามว่าต้องการพูดสิ่งใดหรือไม่ หรือทำไปเพราะเหตุใด รวมถึง เป็นบุคคลที่มีลัทธิจริงตามที่มีการนำเสนอในข่าวหรือไม่ แต่ ผู้ต้องหา ทั้งสองคน กลับไม่ได้มีการตอบคำถามใด ๆ เพียงแต่ก้มหน้าเดินไปขึ้นรถคุมขัง 
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า หลังจากควบคุมตัวนายฮารุ และ นายตรีเพชร มาสอบปากคำที่ สน.บวรมงคล ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงบ่าย นายฮารุ ยังคงไม่ยอมให้การใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี ทั้งรูปแบบของกในเรื่องของการฉ้อโกงทรัพย์ รวมถึง ลัทธิประหลาดต่าง ๆ ที่ก่อตั้งขึ้น
 
จากการตรวจสอบประวัติครั้งเก่าของนายฮารุ พบว่า มีคดีที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงหลายคดี กระจายอยู่ได้หลายพื้นที่ทั้ง พื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ล่าสุดมีผู้เสียหายที่แจ้งความประสงค์ จะเข้ามาดูตัว และ แจ้งความแล้ว รวมประมาณ 20 คน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท
 
ทั้งนี้ พบว่า ผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ในกรุงเทพมหานคร 3-4 โรงพยาบาล ส่วนสาเหตุที่เจ้าตัวเข้าถึงกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมารดาของผู้ต้องหาเคยเป็นพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลต่างจังหวัดมาก่อน
 
ส่วนรูปแบบการหลอกลวงฉ้อโกงของนายฮารุ พบว่า เจ้าตัวไม่ได้จบการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยา หรือ ทำงานที่เกี่ยวข้องกับจิตแพทย์ แต่รูปแบบที่คนร้ายใช้ เป็นการใช้รูปแบบของจิตวิทยาหมู่ ที่จะคอยกล่อมผู้เสียหายแต่ละคนให้ดูน่าเชื่อถือจนเกิดความหลงเชื่อ ส่วนเรื่องลัทธิประหลาดที่เจ้าตัวอ้างถึง ตำรวจเชื่อว่าเป็นเพียงข้ออ้าง ให้การชักชวนเกลี้ยกล่อมให้ผู้เสียหายหลงเชื่อยอมทำตามเท่านั้น
 
ติดตาม รายการ "ข่าวเย็นประเด็นร้อน" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 
 
ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/i4XW0Jmvh9s

ข่าวที่เกี่ยวข้อง