คีย์บอร์ดเป็นส่วนประกอบหนึ่งของคอมพิวเตอร์ที่ทุกคนต้องเคยเจอกันมาตลอดอย่างแน่นอน แต่ว่าถ้าไปซื้อคีย์บอร์ดตอนนี้ จะเห็นเลยว่ามีคีย์บอร์ดหลากหลายรูปแบบมาก ๆ แล้วคีย์บอร์ดพวกนี้มีวิธีเลือกยังไง แบไต๋จะมาแนะให้ได้รู้
อย่างแรกที่เราต้องคำนึงถึงก็คือจุดประสงค์ในการใช้งาน เพราะว่าคีย์บอร์ดมักจะได้รับการออกแบบมาตามจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกันไปครับ อย่างคีย์บอร์ดเกมมิง ก็จะออกแบบมาเพื่อใช้งานสำหรับสายเกมมิงโดยเฉพาะ เช่นมีไฟสี RGB หรือปุ่มคีย์ลัด หรือมาโครต่าง ๆ ที่อาจจะเกินความจำเป็นสำหรับผู้ใช้ทำงานทั่วไปได้ ซึ่งคีย์บอร์ดเพื่องานออฟฟิศก็จะเหมาะสมกว่า
หรือถ้าเราต้องการจะเน้นพกพา ก็จะมีคีย์บอร์ดพกพาโดยเฉพาะ และยังมีคีย์บอร์ดไร้สายที่เหมาะกับการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์อีกต่างหาก ดังนั้นก่อนจะซื้อ ควรจะตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนว่าจะซื้อมาทำงานอะไรบ้าง และเราจะใช้งานถึงไหมก่อนที่จะซื้อจริงด้วย
สิ่งต่อมาที่อยากให้ดู นั่นก็คือ "ขนาดของคีย์บอร์ด" คีย์บอร์ดที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป ที่มีปุ่มตัวเลขด้านขวาให้กดเฉพาะผ่านการกด Numlock นั้นเรียกว่าเป็น คีย์บอร์ดแบบขนาดเต็ม หรือคีย์บอร์ดแบบ 100% ครับ คีย์บอร์ดแบบนี้จะมีปุ่มครบทั้ง 104 ปุ่มให้เราได้ใช้ ซึ่งก็จะครบทั้งปุ่มอักขระ ปุ่มตัวเลข ปุ่มลูกศร และปุ่มฟังก์ชัน
ประเภทต่อมาก็คือ "คีย์บอร์ดไร้ปุ่มตัวเลข" หรือคีย์บอร์ดแบบ 80% ให้เรียกง่าย ๆ ก็คือ เป็นคีย์บอร์ดที่ไม่มีปุ่มตัวเลขแยกออกมาทางด้านขวา ทำให้มีขนาดเล็กกว่าคีย์บอร์ดปกติด้วย ซึ่งขนาดนี้จะเหมาะกับคนที่มีพื้นที่น้อยกว่าปกติ ซึ่งคนที่ไม่ได้ใช้ปุ่มตัวเลขด้านขวาอยู่แล้ว คีย์บอร์ดขนาดนี้จะเพิ่มพื้นที่ในการตกแต่งโต๊ะทำงานมากขึ้นได้ด้วย
แบบสุดท้ายก็คือ คีย์บอร์ดแบบกะทัดรัด หรือคีย์บอร์ดแบบ 75% หรือไม่ก็ 60% ตามขนาดของคีย์บอร์ดที่ลดลงมา คีย์บอร์ดประเภทนี้จะคำนึงถึงความเล็กของคีย์บอร์ดเข้าว่าเลย ยิ่งเล็กยิ่งดี ปุ่มของคีย์บอร์ดก็จัดวางในแบบที่แนบชิดติดกันแบบไม่เหลือช่องว่าง ซึ่งขนาดที่เล็กลง ก็ทำให้มีความเรียบหรูมากขึ้นตามไปด้วยครับ ตรงนี้ใครที่ถนัด หรือชอบในขนาดไหน ก็เลือกตามชอบได้
หลังจากที่เราทราบขนาดของคีย์บอร์ดแล้ว อย่างต่อไปก็คือเรื่องของคีย์ หรือปุ่มที่เราจะใช้กดลงไป ซึ่งปัจจุบันปุ่มของคีย์บอร์ดก็แบ่งเป็น 2 แบบ โดยเริ่มจากปุ่มแบบโดมยาง (Rubber Dome) กันก่อน ที่เรียกว่าเป็นปุ่มยางก็เพราะมาจากหลักการทำงานของคีย์บอร์ดประเภทนี้ ที่จะวางโดมยางเล็ก ๆ ไว้ใต้ปุ่ม เมื่อเรากดคีย์ลงไป ตัวเชื่อมวงจรในปุ่มยางจะเชื่อมแผงวงจรให้ครบวงจร ออกมาเป็น 1 ปุ่มที่กด แล้วจะเด้งตัวกลับขึ้นมาครับ ซึ่งคีย์บอร์ดแบบนี้จะมีราคาที่ถูกกว่า แต่ก็จะมีอายุการใช้งานที่น้อยกว่า
ปุ่มอีกแบบก็คือปุ่มแบบกลไก (Mechanical Key) ครับ ปุ่มแบบนี้จะใช้สปริงโลหะประกอบกับกลไกภายในปุ่ม ซึ่งจะทำให้เวลากดมีเสียงที่ดังมากกว่าคีย์บอร์ดแบบอื่น แต่ไม่ใช่แค่เสียงดังขึ้น ปุ่มแบบกลไกนี้มีความคงทนกว่าปุ่มกดแบบโดมยางมาก ๆ
นอกจากนั้น ถ้าปุ่มกดใดเกิดเสียขึ้นมา เราก็สามารถถอดปุ่มเปลี่ยนทีละปุ่มได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนทั้งแผงวงจรแบบในปุ่มยาง
อย่างสุดท้ายที่เราต้องคำนึงถึงก็คือ ลูกเล่นอื่น ๆ ของคีย์บอร์ดที่เราจะซื้อ อย่างเช่นคีย์บอร์ดบางตัวจะมีปุ่มปรับการตั้งค่า หรือจำพวกปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง เป็นต้น หรือคีย์บอร์ดบางรุ่น สามารถถอดสายต่อคีย์บอร์ดได้ หรือสามารถใช้แบบไร้สายก็ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งตรงนี้เราสามารถไปจับของจริงเพื่อลองก่อนได้ ในรุ่นที่วางจำหน่ายหน้าร้านเลย
ติดตาม รายการ “แบไต๋ 7HD ไอทีและยานยนต์” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20-12.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม