พี่ตั้มสั่งมา ! ตำรวจกร่าง ส่งสมุน รุมยำสาวร้านเค้ก เหตุปากดี แบบนี้ก็ได้เหรอ ?

จากกรณีสาวเจ้าของร้านเค้ก ถูกชายคนสนิทของตำรวจ 2 นาย บุกรุมยำ ฟาดหัวแตกเย็บ 8 เข็ม คาร้าน ต่อหน้าลูกและหลาน อ้าง “พี่ตั้มสั่งให้กูมาทำมึง” คาดปมเหตุทะเลาะกับตำรวจเรื่องที่จอดรถ 

 

 

            วันที่ 17 ต.ค. 65 พรพิมล หุ่นพ่วง (แนน) เจ้าของร้านเค้ก ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ตนจอดรถอยู่หน้าร้าน กำลังยกเค้กออกจากรถเข้าร้าน แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาบอกให้ตนเลื่อนนรถ ตนก็ตอบไปว่าตนกำลังยกของอยู่ เขามาทีหลังให้เขาขยับไปก่อน จากนั้นเขาก็อ้างว่าเขาเป็นตำรวจ บอกว่าตรงนี้ห้ามจอด จากนั้นก็เกิดการเถียงกัน แต่ตนก็ไม่ได้ขยับให้เพราะพยายามรีบยกเค้กให้เสร็จ ก่อนที่จะมีผู้หญิงอีกคนออกมาจากรถออกมาด่าตนเช่นกัน โดยเขาพูดจาไม่ดี จึงเกิดปากเสียงกันรุนแรง สุดท้ายฝั่งคู่กรณีก็โทรตามตำรวจมา ให้ตำรวจบอกให้ตนขยับรถ แต่ตำรวจก็บอกอีกฝ่ายว่า ตนกำลังยกของยุ ให้เขาเลื่อนรถให้ตน เขาก็ไม่ยอมไม่พอใจ ยืนยันว่าจะไม่ไป ทั้งที่รถข้างหลังก็จอดติดกันยาวมาก ตนจึงรีบยกของ เสร็จแล้วก็นำรถไปจอดที่อื่น ซึ่งก่อนจะออกมา ฝ่ายผู้หญิงก็ทำทีเหมือนจะไม่จบ และได้ดึงแมสก์ลงบอกกับตนว่า "มึงจำหน้ากูไว้ กูอยู่ตาคลีเซ็นเตอร์" ทั้งนี้เท่าที่ตนจำได้เหมือนฝ่ายหญิงจะเรียกผู้ชายว่า "ตั้ม" 

 

 

            ต่อมาเหตุการณ์วันที่ 14 ต.ค. ช่วงสาย ๆ ตนนอนอยู่ในห้อง โดยให้หลานอายุ 14 ปี มาดูแลหน้าร้านเค้ก พร้อมกับลูกวัยขวบครึ่ง จากนั้นก็มีผู้ชาย 2 คนใส่หมวกกันน็อคเต็มใบ ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว เข้ามาในร้านมาตามหาตน พอตนเดินออกมาเขาก็บอกเลยว่า "มึงไปปากดีอะไรกับพี่ตั้ม พี่ตั้มบอกให้กูมา" จากนั้นก็เข้ามาทำร้ายตนเลย โดยตอนแรกเข้ามาทำร้ายตนแค่คนเดียว แต่ตนสู้กลับ อีกคนก็เลยเข้ามาช่วย เอาอาวุธเข้ามาฟันที่หัวตนจากข้างหลัง ตนจึงหันกลับไปสู้ เขาจึงถอดหมวกกันน็อคมาฟาดใส่ตนต่ออีก 4-5 ครั้ง ซึ่งเขาทำร้ายตนต่อหน้าลูกและหลานไม่ได้สนใจเลย จนตนต้องตะโกนให้คนแถวนั้นช่วย เขาก็วิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง แต่ตนเลือกตามคนที่ฟาดหัวตน เนื่องจากตนเห็นหน้าเขา และรู้สึกคุ้นหน้า อยากตามไปดูให้แน่ใจ แต่ก็ตามไม่ทัน จึงไปแจ้งความให้ข้อมูลกับตำรวจ ขณะเดียวกันหลานเห็นเหตุการณ์บอกว่าเขาพกอาวุธเหน็บมาที่เอว

 

 

            ขณะที่บาดแผล ตนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เย็บ 8 เข็ม แล้วก็ฟกช้ำตามร่างกาย ทั้งนี้ชายที่ฟาดหัวตน ตนจำได้ว่าเขาชื่อเหี่ยว จึงแจ้งกับทางตำรวจไป พอตำรวจได้ยินว่าเป็นนายเหี่ยวเขาก็บอกว่า อีกคนก็น่าจะเป็นนายแชมป์ เพราะเขาเป็นคู่หูกันอยู่ ซึ่งทางตำรวจก็ให้ข้อมูลกับตนว่า 2 คนนี้เขาทำงานให้ชุดสืบอยู่ สรุปแล้วตนจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ตนมองว่าเขาทำเกินไป มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากแค่เรื่องที่จอดรถ ไม่ได้เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน กลับให้ผู้ชายมาทำร้ายตนอาการหนัก อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้มีการติดต่อเข้ามาขอจบเรื่อง โดยจะจ่ายเป็นเงินประมาณ 5 แสนบาท แต่ตนยืนยันว่าจะไม่รับ

 

 

            ด้าน ฝน (นามสมมติ) ญาติเจ้าของร้านเค้ก เผยว่า ตนได้ไปเปิดย้อนกล้องวงจรปิดดูก็พบว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค. พบว่านายแชมป์ และนายเหี่ยว ขับรถจักรยานยนต์มาวนดูแถวบ้านอยู่ 2-3 รอบ เหมือนมาดูลาดเลา  

 

 

            ฟาก สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า คดีนี้ ถ้านายตำรวจชื่อตั้มสืบแล้วว่าเกี่ยวข้อง ต้องถูกรับโทษเหมือนผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนเลย ยิ่งถ้าจับข้อมูลโทรศัพท์ได้ต้องถูกดำเนินการออกจากราชการ ส่วนตัวผู้เสียหายแนะนำให้ไปร้องเรียนยุติธรรมประจำจังหวัด ขออยู่ในมาตรการคุ้มครองพยาน และขอให้จัดหาทนายความมาฟังคำสอบสวนต่าง ๆ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย รวมทั้งขอรับเงินเยียวยาได้ด้วย

 

 

            ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.นิวัติ พิพัฒนสิริ รอง ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ กล่าวว่า ความคืบหน้าคดีนี้ ตอนนี้ได้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแล้ว ชื่อนายแชมป์ และนายเหี่ยว และได้แจ้งข้อหาพยายามฆ่า กับข้อหาบุกรุก ซึ่งได้นำตัวไปฝากขังที่ศาลเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องที่นายตำรวจชื่อ "ตั้ม" เป็นผู้สั่งการนั้น เดี๋ยวพนักงานสอบสวนจะมีการสอบปากคำจากทั้งตัวนายแชมป์ และนายเหี่ยว รวมถึงตัวตั้มด้วย เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อหานายตำรวจชื่อตั้ม แต่ถ้ามีการสอบปากคำแล้วมีมูลว่าร่วมกันกระทำความผิดจริง ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ตัวนายตั้มได้ถูกดึงตัวไปปฏิบัติหน้าที่ที่ ตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย และใกล้หูใกล้ตาผู้บังคับบัญชา ซึ่งระหว่างที่อยู่ที่นี่ ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงด้วย ขณะที่รการดำเนินการใช้เวลาประมาณ 7 วัน