ในช่วงใกล้สิ้นปีที่ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 กำลังจะกลับมาแบบนี้ หลายบ้านคงอยากได้เครื่องฟอกอากาศมาไว้ใช้ใช่ไหม ? แต่ปัญหาคือไม่รู้จะเลือกยังไง มาแชร์ 5 สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ
สิ่งแรกที่เราต้องรู้ก่อน ก็คือ ขนาดความกว้างของห้อง ที่เราจะเอาเครื่องฟอกไปตั้งใช้งาน วิธีหาขนาดห้อง ก็ให้เอาความกว้าง × ความยาว แล้วเราก็จะได้ขนาดออกมา ยกตัวอย่าง ห้องนอนมีความกว้าง 5 เมตร, ยาว 5 เมตร ขนาดรวมของห้องนี้คือ 25 ตารางเมตร
เวลาเลือกก็ให้ดูรุ่นที่มีสเปกรองรับมากกว่า เช่น ถ้าขนาดห้องคือ 25 ตารางเมตร ก็ซื้อที่รองรับซัก 25-30 ตารางเมตรขึ้นไป เพื่อจะได้ฟอกอากาศครอบคลุมทั่วทั้งห้อง หรือถ้าดูสเปกไม่เป็นจริง ๆ บอกกับคนขายไปว่าห้องเราขนาดเท่านี้ ๆ เดี๋ยวเขาจะแนะนำสเปกรุ่นเหมาะมาให้เราเลือกอีกที
เมื่อรู้เรื่องขนาดห้องไปแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องรู้คือ เครื่องมีความเร็วในการฟอกอากาศแค่ไหน เรื่องนี้ต้องดูที่ค่า CADR (ซีเอดีอาร์) หรือ ค่าปริมาณอากาศที่เครื่องสามารถเปลี่ยนถ่ายได้ใน 1 นาที ถ้ายิ่งเยอะแปลว่ายิ่งดี
แนะนำว่าถ้าเป็นห้องขนาด 26 ตารางเมตร ค่า CADR ขั้นต่ำคือ 200 แต่ถ้าเป็นห้อง 40 เมตร อันนี้ก็ควรอยู่ที่ 300 ทั้งนี้เวลาเลือกลองเปรียบเทียบหลาย ๆ รุ่นดู เพื่อจะได้เลือกตัวที่ดีที่สุด
สิ่งที่สามที่ควรรู้คือ การเลือกไส้กรองให้เหมาะกับการใช้งาน ส่วนนี้ถือว่าสำคัญมาก ๆ ต้องเลือกให้ดี เพราะไส้กรองคือหัวใจหลักในการฟอกอากาศ ถ้าเลือกผิด อาจใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
ปกติแล้วเครื่องฟอกอากาศทั่วไป มักจะมีไส้กรองอยู่ 3 ชั้นที่ประกอบด้วย ชั้นแรก ไส้กรองหยาบ เอาไว้ดักจับฝุ่นผงขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น เส้นผม ขนสัตว์ ชั้นสอง ไส้กรองอากาศ HEPA (ฮีป้า) สำหรับดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กมาก ๆ ดักได้ถึงระดับ 2.5 ไมครอน หรือก็คือสามารถดักจับฝุ่น PM 2.5 ได้นั่นเอง นอกจากนี้ยังดัก เชื้อรา แบคทีเรีย และมลพิษต่าง ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศได้ด้วยนะ ชั้นที่สาม ไส้กรองคาร์บอน สำหรับดักจับกลิ่นต่าง ๆ เช่น กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหาร เป็นต้น
ซึ่งนอกจากสามชั้นที่กล่าวถึงแล้ว ในเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นจะมีไส้กรองพิเศษเสริมมาให้ด้วย เช่น ไส้กรองสารก่อภูมิแพ้ ไส้กรองสารเคมี ไส้กรองไฟฟ้าสถิต ไส้กรองแสงยูวี หรือไส้กรองที่สามารถถอดล้างได้ ฉะนั้นเวลาเลือกซื้อก็ให้ดูที่ความต้องการเป็นหลัก ถ้าในห้องเรามีเด็กที่เป็นภูมิแพ้ ก็ควรจะเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีไส้กรอง ที่ดักสารก่อภูมิแพ้ได้ อันนี้ถึงจะเหมาะกับการใช้งานที่สุด
ส่วนสิ่งที่ต้องรู้ข้อที่สีคือ
โดยเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นจะมีฟีเจอร์พิเศษเพิ่มมาให้ เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น มีรีโมตไร้สาย มีบลูทูธเชื่อมต่อแอปมือถือได้ หรือบางทีก็มีฟีเจอร์ฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV หรือพวกประจุบวก แน่นอนว่าเพิ่มฟีเจอร์ ราคาก็ต้องสูงขึ้นด้วย
เวลาเลือกซื้อก็แนะนำว่าเอารุ่นที่มีฟีเจอร์เฉพาะจำเป็นที่ต้องใช้ก็พอแล้วไปให้ความสำคัญกับเรื่องไส้กรองและพื้นที่ในการฟอกอากาศที่ครอบคลุมจะดีกว่า
สิ่งสุดท้ายที่ต้องรู้ก่อนจะซื้อเครื่องฟอกอากาศก็คือ เครื่องฟอกทุกรุ่นมีค่าเปลี่ยนไส้กรองที่ไม่เท่ากัน บางรุ่นตัวเครื่องอาจจะถูก แต่ค่าเปลี่ยนไส้กรองแพง บางรุ่นอาจจะแพงแต่ไส้กรองถูกก็มี ฉะนั้นเวลาเลือกซื้ออย่าลืมถามเรื่องค่าใช้จ่ายของการเปลี่ยนไส้กรองแต่ละครั้งด้วย เพื่อที่จะได้เตรียมตัวก่อน
ทั้งหมดนี้คือ 5 สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ หวังว่าข้อมูลนี้ จะช่วยให้ทุกคนเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่ตรงกับความต้องการได้มากขึ้น
ติดตาม รายการ “แบไต๋ 7HD ไอทีและยานยนต์” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20-12.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35