อดีตครูอายุ 66 ปี ป่วยเป็นโรคจิตเวช แต่รักษาสุขภาพจิตจนดีขึ้นเป็นปกติแล้ว ร้องสื่อ ถูกญาติหลอกให้โอนมรดก 100 ล้านบาท
วานนี้ (10 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า นายบัญชา บุญฉิม (ครูม็อก) อายุ 66 ปี อดีตครูโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ที่ป่วยเป็นโรคจิตเวช ปัจจุบันสุขภาพจิตดีขึ้นเป็นปกติ ถูกพี่ชายคนที่2 หลอกให้โอนมรดกให้กว่า 100 ล้านบาท
นายบัญชา เล่าให้ฟังว่า ตนเองมีพี่น้องรวม 5 คน ตนเองเป็นลูกคนที่ 3 มีพี่คนโตเป็นผู้หญิง ชื่อหนึ่ง (นามสมมติ) มีพี่ชายคนที่สองเป็นผู้ชาย ชื่อสอง (นามสมมติ) และมีน้องสาวอีก 2 คน เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อปี พ.ศ. 2539 แม่ครูบัญชา ได้แบ่งทรัพย์สินเป็นที่ดินให้ลูกทุกคน คนละ 9 ไร่ ซึ่งครูบัญชาได้รับมาจำนวน 9 ไร่เศษ แต่เนื่องจากมีอาการป่วยเป็นโรคจิตเวช จึงต้องเข้าไปรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศรีธัญญา ตลอดมา โฉนดที่ดินจึงฝากให้พี่สาวคนแรกเก็บเอาไว้
กระทั่งในปี 2559 พี่ชายคนที่สองได้ไปรับครูบัญชา ซึ่งขณะนั้นพักอยู่บ้านน้องสาวคนเล็กใกล้กับ รพ.ศรีธัญญา โดยพี่ชายคนที่สองบอกกับน้องสาว ว่าจะพาครูบัญชาไปเที่ยวพักผ่อน คลายความเครียด จากนั้นได้ใช้วาจาหว่านล้อมให้ตนเองเซ็นเอกสารโอนที่ดินให้กับลูก 3 คนของพี่ชายคนที่สองไปคนละ 2 ไร่ รวมเป็น 6 ไร่ บวกกับพี่ชายคนที่สองได้ไป 1 ไร่ รวมได้ทั้งหมด 7 ไร่ ดังนั้น ที่ดินของครูบัญชา จากเดิมมี 9 ไร่ คงเหลือเพียง 2 ไร่สุดท้าย และพี่คนที่สองได้บอกครูบัญชา ให้นำที่ดิน 2 ไร่ เอาไปจำนองได้เงินมา 3 ล้านบาท บอกว่าจะนำไปลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน แต่เมื่อได้เงินมาแล้วพี่คนที่สองก็เอาไปซื้อรถยนต์กระบะและใช้จ่ายเงินหมดไป ทำให้ที่ดิน 2 ไร่สุดท้าย ต้องถูกยึดไปอีก
นายบัญชา เล่าต่ออีกว่า จากนั้น พี่ชายคนที่สอง ก็เลี้ยงดูตนเองแบบปล่อยให้อดอยาก ทำให้เพื่อนบ้านที่รู้เห็นทนไม่ไหว ต้องนำครูบัญชา ไปอยู่ด้วย พร้อมพาไปรักษาอาการป่วยโรคจิดเวช นำยาจาก รพ.ศรีธัญญา มาให้กินอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ตนเองมีอาการดีขึ้นเป็นปกติ เมื่อรู้สติ จึงต้องการร้องผ่านสื่อฯ ทวงความเป็นธรรมเรื่องที่ดินของตนกลับมา โดยเอกสารการโอนที่ดิน มีการปลอมลายเซ็น ของครูบัญชา อีกด้วย
นายบัญชา กล่าวต่ออีกว่า พี่ชาย (พี่สอง) พาตนมาจาก รพ.ศรีธัญญา หลอกให้เซ็นเอกสารโอนที่ดินให้ ครั้งแรก โอน 4 ไร่ ครั้งที่สองโอนให้อีก 3 ไร่ ส่วนอีก 2 ไร่ ถูกหลอกให้เอาไปจำนองได้เงินมา 3 ล้านบาท แล้วพี่สอง นำเงินไปซื้อรถกระบะ ใช้เงินจนหมด ปัจจุบัน ตนไม่เหลือมรดกที่พ่อแม่ให้มา จึงต้องการร้องผ่านสื่อฯ ช่วยเป็นกระบอกเสียงทวงความเป็นธรรม
นายพสิษฐ์ รัตนอุดมธนวิไล (โต้ง) อายุ 56 ปี กล่าวว่าตนรู้จักกับ ครูบัญชา (ครูม็อก) มากว่า 20 ปี เนื่องจาก ตนเคยไปเช่าที่ของพ่อแม่ครูฯ ทำมาหากิน เมื่อเห็นครูฯ ประสบเคราะห์กรรม จึงเกิดความสงสาร ให้ที่อยู่ ที่กิน ตามกำลังที่ตนทำได้ ไม่ได้หวังผลประโยชน์ใด ๆ และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ครูบัญชา (ครูม็อก) เป็นคนน่าสงสาร หากไม่ได้กินยา ใครมาชักชวนให้ทำอะไร ครูบัญชา จะทำตามทุกอย่างโดยไม่รูเรื่อง ว่าจะถูกหรือผิด ดังนั้น ตน จึงคอยดูแล ให้กินยาทั้งเช้า-เย็น รวมถึงฉีดยาแก้โรคเบาหวานที่สะดือด้วย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปบ้านของพี่สาวคนแรก ชื่อ พี่หนึ่ง (นามสมมติ) กล่าวว่า แม่แบ่งมรดก ให้ลูก 5 คน เป็นที่ดิน ให้คนละ 9 ไร่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 ก่อนแม่ตายแล้ว เนื่องจากรู้นิสัย ว่าน้องชายคนที่สอง (พี่สอง) มีนิสัยเป็นอย่างไร ก่อนหน้านี้ สมัยแม่ยังมีชีวิตอยู่ น้องชาย (พี่สอง) เคยนำโฉนดที่ดินของแม่เอาไปจำนอง จนทำให้ครอบครัว เป็นหนี้ มาแล้ว ดังนั้น แม่จึงรีบแบ่งที่ดินให้กับลูกคนอื่น ๆ ก่อน เพราะกลัวว่าหากปล่อยไว้ ลูกคนอื่น อาจจะไม่เหลืออะไร หลังจากแม่แบ่งที่ดินให้กับลูกทุกคนแล้ว น้องชาย (พี่สอง) ก็เอาไปลงทุนทำธุรกิจ แต่ไม่รู้ทำอย่างไร มรดกที่แม่ให้ หายจนหมด กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ ดังกล่าวขึ้น ตนไม่อยากพูดอะไรมากไป เพราะอย่างไรก็เป็นสายเลือดเดียวกัน แต่ถ้าตนต้องเขียนประวัติส่วนตัว ก็จะระบุว่า ตน มีพี่น้องเพียง 4 คน ไม่มีน้องชายคนที่สอง (พี่สอง) รวมอยู่ด้วย ขอจบแค่นี้
ในส่วนของ นายกิตติณรงค์ ไหมศรีกรด ทนายความ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องของครูบัญชา หรือ (ครูม็อก) ตน รู้สึกสงสาร เนื่องจากครูฯ มีชีวิตที่ลำบาก เป็นผู้ป่วยจิตเวช และเป็นผู้สูงอายุ จึงตัดสินใจ ทำคดีให้ ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น พบว่าเป็นการถูกหลอกให้เซ็นเอกสาร ภาษากฎหมายเรียกว่า นิติกรรมเป็นโมฆะ หลังจากนี้ ตนจะยื่นฟ้องเรียกคืนที่ดิน ในลักษณะ นิติกรรมเป็นโมฆะ เพื่อทวงคืนความเป็นธรรมให้กับ ครูบัญชา หรือ (ครูม็อก) ต่อไป
ติดตาม รายการ "ข่าวเย็นประเด็นร้อน" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35