แฉยับ "ทนายกำมะลอ" แท้จริงเป็นพ่อค้าไก่หมุน ปลอมเอกสาร อ้างเป็นทนายว่าความชั้นเซียน ทนายจริงยังหัวหมุน ลั่นเหมือนคนมีประสบการณ์ 10 ปี !
วันที่ 5 ต.ค. 65 ณัฐกานต์ รัตนกัณฑ์แก้ว (อ๋อมแอ๋ม) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ ธ.ค. 63 ตนไปเจอทนายปลอมคนนี้ผ่านเพจเฟซบุ๊ก โดยตนได้โพสต์ขอคำปรึกษาภายในเพจไปเกี่ยวกับคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากนั้นเขาก็ติดต่อมาอ้างตัวเป็นทนาย มาให้คำปรึกษา ซึ่งช่วยทั้งในเรื่องการแจ้งความ และการติดตามในส่วนของการแจ้งความดำเนินคดี ประสานกับตำรวจให้ เขาแนะนำทุกอย่าง โดยไม่ได้เรียกเงินเลยสักบาท จนกระทั่งตนมาว่าจ้างเขาตอนเดือน เม.ย. 64 เนื่องจากว่า เขาแจ้งว่าคดีมันไม่คืบหน้าไปไหน ควรที่จะจ้างทนายเพื่อเข้าไปดำเนินการต่อ
ที่ตนตัดสินใจว่าจ้างเขา เพราะเขาเป็นคนที่รู้เรื่องคดีความของตนตั้งแต่เริ่มต้น ส่วนค่าทนายเขาเรียก 2.5 หมื่นบาท เป็นค่าวิชาชีพทนาย 2 หมื่น อีก 5 พันเป็นค่าคัดเอกสารและการสืบข้อมูล ระหว่างทางก็จะมีเรียกเก็บอยู่เรื่อย ๆ แบ่งเป็น ค่าธรรมเนียมศาล 6 พันบาท ค่าศาล 5 พันบาท ค่าเดินทางไปตรวจสอบข้อมูลที่กระทรวง DES 1.5 พันบาท และชำระเงินงวดวันพิพากษาอีก 1.5 พันบาท รวมแล้วตนจ่ายเงินเขาไปกว่า 3.9 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตาม ตนไม่เคยเจอหน้าเขาเลย เขาเคยแจ้งมาว่า มาติดตามคดีที่ชลบุรี ซึ่งตนก็อาศัยอยู่ที่ชลบุรี ตนก็แจ้งว่าเลิกงานแล้ว สะดวกจะพบหากัน แต่เขาบ่ายเบี่ยงไม่สะดวกติดคุยกับลูกความอีกท่านหนึ่ง ทั้งนี้ตนมาจับโป๊ะได้ตอนที่นัดเจอกันที่ ศาลจังชลบุรี แต่เขาไม่มา พยายามติดต่อเขา ขอเลขเอาบัตรประชาชนเพื่อเข้าไปยื่นสอบถามเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าบอกว่าชื่อนี้ไม่มีอยู่ในสารบบคดี จึงโทกลับไปหาทนายปลอมขอเลคคดีดำกับเขา เขาให้มา ตนจึงนำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ แต่ทว่าเลขคดีดำนั้น เป็นเลขของคดียาเสพติด ซึ่งไม่ใช่คดีของตน ทางทนายปลอมบอกว่าเขาให้เลขคดีผิดมา เป็นคดีของลูกความอีกคนหนึ่ง จนสุดท้ายตนเริ่มเอะใจ จึงเข้าไปร้องเรียนกับทนายพจน์
ด้าน ประพจน์ วงศ์ก่อเกื่อ (พจน์) ทนายความที่รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย เผยว่า คุณอ๋อมแอ๋ม เป็นสมาชิกอยู่ในกลุ่มเฟซบุ๊ก ทนายอาสา ปรึกษาในกลุ่มฟรี โดยทนายอาชีพ วันที่เขานัดกันไปศาลชลบุรี เขาก็ติดต่อมาหาตนเหมือนกัน หลังจากที่เขาเช็กคดีแล้วไม่พบว่ามีชื่ออยู่ในสารบบ ตนก็ยังไม่เชื่อว่าเป็นทนายปลอม คิดว่าอาจจะทำงานไม่ทัน เอาไปดอง เพราะเราตรวจโปรไฟล์เขาแล้ว มีการไปทำงานที่ศาล โปรไฟล์ค่อนข้างดี ถ้าเป็นทนายปลอมจะไม่มีโปรไฟล์ขนาดนี้ จึงให้คุณอ๋อมแอ๋มส่งสำนวนมาให้ตนดู พอตนดูแล้วแบบฟอร์ม คำร้องต่าง ๆ ก็ถูกหมด มีเพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ มันไม่ดี แต่ว่าโดยรวมใช้ได้ เป็นของแท้ แต่เลขคดีไม่ตรง ตนก็ยังไม่แน่ใจ จึงขอดูบัตรทนาย ก็พบว่าตั๋วทนายออกให้ตั้งแต่ปี 54 เท่ากับว่าเขาเป็นทนายมา 10 ปี ดูจากอายุเขาแค่ 30 กว่า มันไม่น่าใช่ รวมทั้งรายละเอียดบนบัตรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เหมือนบัตรจริง แต่ตนก็ยังเชื่ออยู่ว่าเป็นทนายจริง
จนกระทั่งตน เข้าไปตรวจสอบที่สภาทนายความด้วยตนเอง เสียเงินค่าตรวจสอบ 40 บาท ก็พบว่าเลขบัตรที่เขานำมาใช้ เจ้าของตัวจริงเป็นผู้หญิง แถมเจ้าหน้าที่ยังแจ้งว่าบัตรใบนั้นมีจุดสังเกตุหลายอย่างว่าปลอม แค่รูปก็ไม่ใช่แล้ว ทีนี้ตนก็เชื่อแล้วว่าเป็นทนายปลอม จึงแจ้งไปที่คุณอ๋อมแอ๋ม
คุณ อ๋อมแอ๋ม กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนรู้ว่าเขาเป็นทนายปลอม ตนไม่ได้บอกเขาว่ารู้แล้ว ยังพยายามติดต่อเข้าไปอยู่ แต่ทางทนายปลอมได้ติดต่อกลับมา บอกว่า คดีมีปัญหา ไม่สามารถดำเนินคดีให้ได้ จะขอคืนเงิน โดยเขาจะคืนเป็นงวด ๆ คืนมาทั้งหมด 3 งวด แล้วก็ไม่คืนต่อ โดยบอกตนว่าให้ไปแจ้งความเอาผิดได้เลย ซึ่งพอตนไปแจ้งความ เขาก็ติดต่อมาว่า ขอให้ตนถอนแจ้งความ แล้วเขาจะเพิ่มเงินให้ แต่ตนก็ยืนยันว่าไม่ถอนแจ้งความแน่นอน ทั้งนี้ คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ของตนตอนแรกที่ตนไปว่าจ้างเขาให้มาทำ ตนจะไม่ดำเนินคดีต่อแล้ว แต่คดีกับทนายปลอม ตนจะเดินหน้าเอาผิดเขาแน่นอน ตอนนี้รวบรวมผู้เสียหายได้หลายรายแล้ว
ขณะที่ ทนายพจน์ เล่าต่อว่า พอตนรู้เรื่องแล้วว่าเป็นทนายปลอม ตนจึงสืบเรื่องไปยังทนายบุ๋ย ซึ่งเป็นทนายที่ทนายปลอมแท็กชื่อไว้ในเฟซบุ๊ก แต่ตัวทนายบุ๋ยได้รับการยืนยันว่าเป็นทนายตัวจริง ว่าความมาแล้วหลายเรื่อง นอกจากนั้นทนายบุ๋ยยืนยันมาว่า ทนายปลอมคนนี้ไปว่าความหลายที่ ทั้งจังหวัดพิษณุโลก นครสวรรค์ กำแพงเพชร ถ้ารวมคดีนี้ด้วยก็ที่ชลบุรีอีก
ฟาก วัชรพล ยานะเครือ (ทนายบุ๋ย) ทนายที่เคยขึ้นว่าความกับทนายไก่หมุน กล่าวว่า ตนพูดด้วยความสัตย์จริง ว่าตนไม่ทราบมาก่อนว่าเขาเป็นทนายปลอม เขาประปฏิบัติตนเหมือนทนายทั่ว ๆ ไป ไม่มีพิรุธใด ๆ เลย ตนรู้จักตัวทนายปลอมคนนี้ตั้งแต่ปี 53 ตอนนั้นตนเป็นทนายประจำสำนักงานแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดนครสวรรค์ ตัวทนายปลอมเขาแจ้งว่าเขาสอบผ่านภาคทฤษฎีจากสภาทนายความมา จึงมาขอฝึกภาคปฏิบัติที่สำนักงานที่ตนอยู่ พอฝึกปฏิบัติเสร็จก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนกระทั่งเมื่อปี 64 เขาติดต่อมาหาตนอีกครั้งหนึ่ง ให้ตนช่วยทำคดี จึงได้กลับมาร่วมงานกับเขาอีกครั้ง
ทั้งนี้ที่ได้ว่าความกับเขาจริง ๆ แค่คดีเดียว ที่ศาลจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นคดีที่ออกข่าวว่าชนะอัยการ โดยในการพิจารณาคดีของศาลส่วนใหญ่ตนจะเป็นผู้ที่ดำเนินการทั้งหมด ตัวทนายปลอม เขาจะทำหน้าที่ในการซักถามจำเลย ขณะที่ฝีไม้ลายมือของเขานั้น ถ้าให้ตนประเมิน เหมือนกับเขาเป็นทนายที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการว่าความมาอย่างน้อย 10 ปี ทำหน้าที่ได้ดีเลย อย่างไรก็ตาม จากข่าวที่ออกไปซึ่งมีชื่อของตนอยู่ในข่าว ตนขอแจ้งว่าตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็น หรือได้รับผลประโยชน์จากการกระทำของทนายคนดังกล่าว
ด้าน ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ทนายความ ให้ความเห็นว่า กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนตาม พ.ร.บ.ทนายความ ปี 2528 มาตรา 33 กำหนดไว้ชัดเจนว่าบุคคลที่ไม่ได้เป็นทนายความ ไม่มีอำนาจในการไปว่าความ เมื่อบุคคลนั้นมากระทำการว่าความต่อศาล ศาลก็ต้องเพิกถอนคดีความนั้น ๆ ส่วนตัวบุคคลนั้นก็จะมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ส่วนคดีความก็ต้องมีการรื้อร้องขึ้นมาพิจารณากันใหม่ ขณะที่ตัวผู้ว่าจ้างกับตัวทนายความกำมะลอนั้น ต้องไปแจ้งความฐานปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม ตัวทนายเองก็จะมีความผิดฐานนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบ ในการหลอกลวงประชาชน เคสนี้ตนฟันธงเลยว่าศาลไม่มีรอลงอาญาแน่นอน เพราะเขาตั้งใจกระทำ เล็งเห็นผลได้อย่างชัดเจน ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบทนายความมาก
ขณะเดียวกัน ทางทีมงาน "ถกไม่เถียง" ได้ติดต่อไปยัง มหาวิทยาลัยภาคกลาง นครสวรรค์ เพื่อตรวจสอบเส้นทางการศึกษาของทนายปลอมคนดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยยืนยันว่า คน ๆ นี้ได้จบการศึกษา ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยภาคกลาง นครสวรรค์ เมื่อปี 54
อีกทั้ง ผู้ใหญ่บ้านยังระบุว่า ทนายปลอมคนนี้ เป็นคนดี ตั้งใจเรียนแต่ไม่สุงสิงกับคนในหมู่บ้าน ให้ความรู้ทางกฎหมายมาแล้วกว่า 10 ปี เพิ่งเลิกขายไก่หมุนได้ 2 ปี และออกมารับว่าความ ซึ่งคนแถวนั้นก็ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าเขาไม่ได้เป็นทนายจริง
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35