ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์การใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น รัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนทางด้านนโยบายมากขึ้น รวมถึงราคารถยนต์ไฟฟ้าที่พอจับต้องได้ แต่รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังเป็นสิ่งใหม่สำหรับคนไทย ที่อาจมีความกังวลและสงสัยเวลาเกิดปัญหา วันนี้แบไต๋มาตอบคำถามคาใจเกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า
แบตเตอรี่ใกล้หมด ต้องทำอย่างไร ?
คำถามเบสิกที่สุดว่าถ้าแบตเตอรี่ใกล้หมดต้องทำอย่างไร คำตอบง่าย ๆ คือหาจุดชาร์จที่ใกล้รถที่สุด ปัจจุบันการค้นหาสถานีชาร์จหรือจุดชาร์จแบบเร่งด่วน ทำได้ไม่ยาก เพราะมีแอปพลิเคชันต่าง ๆ ให้เช็กได้ ไม่ว่าจะเป็น EVolt (อีโวลต์), EA Anywhere, PlugShare, MEA EV (เอ็มอีเอ อีวี), EV Station PluZ หรือ PEA VOLTA (พีอีเอ โวลต้า)
นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถค้นหาจุดชาร์จผ่าน Google Maps ที่ปัจจุบันมีมากกว่า 900 จุดทั่วประเทศ โดยใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง เช่น EV charging, EV charging stations หรือ EV Charger และทางที่ดีที่สุดควรวางแผนเส้นทางและการชาร์จแบตเตอรี่ให้พร้อมก่อนเดินทาง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลุ้นจนใจหายระหว่างการเดินทาง
ขับรถไฟฟ้าลุยน้ำได้หรือไม่ ?
ในช่วงที่ฝนตกไม่แน่ไม่นอนทุกวันนี้ ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าน่าจะมีคำถามว่ารถยนต์ไฟฟ้าขับลุยน้ำได้ไหม จะเป็นอันตรายต่อระบบไฟและผู้ขับขี่หรือเปล่า รถยนต์ไฟฟ้าล้วนได้รับการออกแบบตัวรถให้มีการซีลกันน้ำ ทั้งตัวมอเตอร์ แบตเตอรี่และระบบชาร์จไฟ สามารถป้องกันความเสี่ยงเมื่อเกิดน้ำท่วมได้ดีกว่ารถสันดาปทั่วไป โดยเฉพาะตัวแบตเตอรี่ที่มักจะมีการทดสอบ IP Rating (ขึ้นซับ Ingress Protection Rating) ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานในการป้องกันของแข็งและของเหลวเข้ามาภายในตัวเครื่อง เพื่อไม่ให้เกิดการรั่วไหลของไฟฟ้าแรงสูงในกรณีที่รถจมอยู่ใต้น้ำ โดยค่ามาตรฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยทั่วไปอยู่ที่ IP67 การันตีว่าสามารถป้องกันความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมไม่เกิน 1 เมตรได้ ภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที
อย่างไรก็ตามไม่ควรนำรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งผ่านบริเวณน้ำท่วมเกิน 30 เซนติเมตร หรือท่วมเกินขอบประตูรถ เพื่อความปลอดภัย ส่วนรถที่ลุยน้ำมาหมาด ๆ ให้ใช้การแตะเบรกซ้ำ ๆ เพื่อไล่น้ำออกจากผ้าเบรกสักพัก หรือหากไม่มั่นใจ ให้นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กระบบจะมั่นใจที่สุด
ชาร์จรถไฟฟ้าแล้วไฟไม่เข้า หรือดึงสายชาร์จไม่ออก ต้องทำอย่างไร ?
ปัญหาเรื่องการชาร์จไฟไม่เข้าเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น เสียบหัวชาร์จไม่สนิท หรือไม่ได้ล็อกประตูหลังเสียบสายชาร์จ (สำหรับรถบางรุ่น) ทำให้ระบบชาร์จไฟไม่ทำงาน สามารถแก้ไขเบื้องต้น โดยการปลดล็อกรถ แล้วเสียบหัวชาร์จกลับเข้าไปใหม่ให้แน่นและสนิท จากนั้นกดล็อกรถอีกครั้ง
ส่วนการถอดสายชาร์จ ในรถหลาย มๆ รุ่นจำเป็นต้องปลดล็อกประตูรถก่อน หรือบางรุ่นต้องปลคล็อกที่หัวชาร์จด้วย แต่หากยังไม่ได้สามารถกดปุ่ม Emergency ที่ตัวแท่นชาร์จ เพื่อเป็นการตัดไฟโดยตรง ก็จะสามารถถอดหัวชาร์จออกได้ ถ้ายังไม่ได้อีกแนะนำให้แจ้งผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าดีกว่า
ข้อควรรู้ระหว่างการชาร์จ หากผู้ขับขี่ต้องการหยุดชาร์จ สำหรับการชาร์จที่ตู้สาธารณะบางตู้จำเป็นต้องสั่งการหยุดชาร์จที่ตัวแอปพลิเคชันก่อนเพื่อให้ระบบของรถและตู้ชาร์จเชื่อมต่อเข้าขั้นตอนการสั่งหยุดจ่ายไฟ ขณะที่การชาร์จที่บ้านนั้นสามารถหยุดชาร์จได้ทันที
รถไฟฟ้าต้องดูแลรักษาอะไรบ้าง ?
แม้รถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องการการดูแลที่ยิบย่อยเท่ากับรถยนต์เครื่องสันดาป แต่ก็ยังต้องได้รับการเช็กระยะ เพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานยิ่งขึ้นนั่นเอง โดยส่วนใหญ่รถยนต์ไฟฟ้ามีกำหนดเข้ารับบริการเช็กระยะกับศูนย์บริการทุก ๆ 12 เดือน หรือ 15,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
ติดตาม รายการ “แบไต๋ 7HD ไอทีและยานยนต์” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20-12.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35
VIDEO