สาวเจ้าของบ้านสุดงง หลังธนาคารส่งคนมารื้อบ้าน ขนทรัพย์สินไปจนหมดบ้าน เปลี่ยนกุญแจ แถมปิดป้ายห้ามบุกรุก และประกาศขาย ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยถูกฟ้องและไม่ได้มีคดีความอะไรเลย ซึ่งเธอเพิ่งจะมารู้ก็ตอนที่เพื่อนบ้านโทรศัพท์มาขอซื้อต่อบ้าน พอเจ้าตัวโทรไปสอบถามกับธนาคาร จึงได้รู้ว่า ธนาคารเข้ามายึดทรัพย์ผิดบ้าน แถมเธอยังต้องเป็นฝ่ายติดต่อไปหาธนาคารเองเพียงฝ่ายเดียว
เพจเฟซบุ๊ก “ทนายคู่ใจ” ได้โพสต์คลิปวงจรปิดเป็นภาพขณะกลุ่มชายฉกรรจ์ 3 - 4 คน กำลังทำการรื้อบ้านหลังนี้ พร้อมข้อความระบุว่า ธนาคารยึดบ้านผิดหลัง ทางเพจทนายคู่ใจได้รับเรื่องร้องเรียนสอบถามมาจากแฟนเพจ
โดยคุณกาญจนา เจ้าของบ้านได้ร้องเรียนกับเพจทนายคู่ใจมาว่า ตนมีบ้านอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี ซึ่งเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้รับเหมาเข้ามารื้อทรัพย์สินภายในบ้านของตนออกไปจนหมด จนเหลือแต่บ้านโล่ง ๆ บริเวณภายนอกก็ได้ตัดต้นไม้ รื้อกันสาด ยกสิ่งของออกไปจนหมด และติดป้ายประกาศว่า เป็นทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก
คุณกาญจนา เล่าไทม์ไลน์เหตุการณ์ว่า วันที่ 15 ก.ย. เพื่อนบ้านสงสัยว่าทำไมมีป้ายติดประกาศว่า บ้านเป็นทรัพย์สินของธนาคาร ห้ามบุกรุก และติดประกาศขาย แต่ในประกาศเป็นบ้านเลขที่ 99/44 เพื่อนบ้านเลยโทรติดต่อธนาคารไปเพื่อที่จะขอซื้อดู จึงได้รู้ว่าบ้านที่จะขายนั้นบ้านเลขที่ 99/44 ไม่ใช่บ้านเลขที่ 99/38 เพื่อนบ้านจึงโทรมาแจ้งกับตนว่า “จะขายบ้านเหรอ เห็นคนมารื้อบ้าน รีโนเวท และติดป้ายของธนาคาร” พอตนทราบเรื่องจากเพื่อนบ้าน จึงได้รีบเดินทางไปที่บ้านหลังนั้น และก็ได้เห็นสภาพของบ้าน คือเป็นบ้านโล่ง ๆ ข้าวของถูกรื้อเอาออกไปจนหมดทุกอย่าง ประตูห้องครัวและประตูระเบียง ถูกปิดล็อกโดยกุญแจของธนาคาร และตนได้โทรศัพท์แจ้งทางคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร ซึ่งคอลเซ็นเตอร์ก็รับเรื่องไว้
ต่อมาวันที่ 16 ก.ย. ตนได้เดินทางไปลงบันทึกแจ้งความไว้ที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว ซึ่งในวันที่ 16 ก.ย.นี้ ก่อนที่ตนจะเข้าไปแจ้งความ ได้ติดต่อไปที่คอลเซ็นเตอร์อีกครั้ง จนทราบว่า ได้มีการรับเรื่องไว้แล้ว และจะติดต่อกลับภายใน 3 วันทำการ แต่เนื่องจากมีคนที่รู้จักกับทางนิติกรของธนาคาร จึงโทรไปแจ้งฝ่ายนิติกรว่า มีการยึดบ้านผิด และผู้รับเรื่องแจ้งว่าจะให้เจ้าหน้าที่นิติกรติดต่อมา
ต่อมาวันที่ 17 ก.ย. ได้มีเจ้าหน้าที่นิติกรโทรศัพท์มาขอโทษ และแจ้งว่าเป็นความผิดของธนาคารจริงที่เข้าทำบ้านผิดหลัง และธนาคารแจ้งว่า จะให้ทางนิติกรเข้ามาคุย จึงนัดให้ไปพบและคุยที่สถานีตำรวจในวันที่ 20 ก.ย.
จากนั้นวันที่ 18 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอเข้ามาดูภายในบ้าน และได้ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน ส่วนตนก็ได้เอากุญแจชุดใหม่ไปคล้องไว้ที่หน้าบ้าน เพราะรั้วหน้าบ้าน ธนาคารได้เอากุญแจออกไปแล้ว โดยป้ายที่ติดอยู่หน้าบ้านและกุญแจรั้วหน้าบ้าน พอทางธนาคารรู้ว่าผิด ธนาคารก็ได้รีบดำเนินการมาเอาป้ายและกุญแจออก ก่อนที่ตนจะเข้าไปที่บ้าน
ต่อมาวันที่ 20 ก.ย. ตนกับตัวแทนธนาคารได้มาเจรจาตกลงค่าเสียหายกัน เบื้องต้นประเมินไว้ประมาณ 2 ล้านบาท ธนาคารแจ้งว่าเป็นการเข้าทำผิดหลัง ไม่ได้มีเจตนาแต่อย่างใด ทรัพย์สินบางอย่างได้ถูกเก็บไว้ที่อีกที่หนึ่ง แต่บางอย่างได้ถูกทำลายไปแล้ว เช่น เสื้อผ้า หนังสือเก่า รูปภาพ ของสะสมต่างๆ รวมถึงของใช้ของลูกๆ ซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจ ไม่สามารถหามาทดแทนได้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารจะให้รับของที่เก็บไว้คืนไปก่อน แต่ตนได้แจ้งไปว่า ยังไม่รับคืน และยังไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง
ผ่านมาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ คือ ช่วงวันที่ 26 - 27 ก.ย. ตนเองได้โทรศัพท์สอบถามกับเจ้าหน้าที่นิติกรและทนายของธนาคารว่า ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่า กำลังรวบรวมรายการทำทรัพย์สินที่ธนาคารเก็บไว้เพื่อจะส่งคืน แต่ไม่ได้พูดถึงการชดใช้ค่าเสียหายใดๆ และการติดต่อดำเนินการทุกอย่าง กลับเป็นเจ้าของบ้านที่ต้องคอยติดต่อ พอสอบถามไปเองก็ไม่ได้รับการใส่ใจในการแก้ปัญหาใดๆจากทางธนาคารเลย
คุณกาญจนา ยังเปิดเผยอีกว่า บ้านของตน คือ บ้านเลขที่ 99/38 แต่บ้านที่ถูกประกาศขาย คือ บ้านเลขที่ 99/44 ซึ่งอยู่ห่างกันออกไปถึง 3 หลัง และบ้านของตนยังไม่เคยถูกฟ้องไม่ได้มีคดีอะไรและไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับทางธนาคารที่เข้ามารื้อของด้วย
ติดตาม รายการ "ข่าวเย็นประเด็นร้อน" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35