สกุลเงินดิจิทัล หรือที่เรียกว่า “เงินคริปโตฯ” ถือเป็นเงินที่มีค่าในโลกยุคปัจจุบัน สามารถทำการแลกเปลี่ยนและนำมาใช้ได้ไม่ต่างอะไรจากเงินจริง ๆ
ล่าสุด เกิดเหตุอุกอาจขึ้นบนเกาะสมุย เมื่อ คู่สามีภรรยาชาวรัสเซีย เข้าร้องเรียนกับตำรวจ สภ.เกาะสมุย หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ บุกปล้นเงินคริปโตฯ จำนวน 1.8 ล้านบาท กลางร้านกาแฟ แถมยังถูกติดตามข่มขู่คุกคามอีกด้วย
ภาพเหตุการณ์เป็นช่วงที่รถตู้สีดำ ได้มาขับมาจอดที่บริเวณตู้รับแลกเปลี่ยนเงิน ริมถนนเส้นหนึ่งบนเกาะสมุย ก่อนที่จะมีผู้ชาย 2 คน (ชายเสื้อขาวกับชายเสื้อขาว) ลงจากรถตู้ลงมา ก่อนที่ทั้งสองจะเดินมาที่ตู้รับแลกเปลี่ยนเงิน และในภาพเหมือนว่าจะมีการแลกเปลี่ยนเงินที่ตู้แห่งนี้ด้วยเช่นกัน
เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยสามีภรรยาชาวรัสเซียคือ นายเอฟกีนี่ และนางเอกาเทอร์นา เข้าแจ้งความกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เป็นชาวต่างชาติ 6 คน มาข่มขู่กรรโชกทรัพย์เอาเงินดิจิทัล หรือเงินคริปโตฯ จำนวน 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.87 ล้านบาท ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่งใน อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
นายเอฟกีนี่ ให้การว่า ระหว่างที่ตนและภรรยานั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้าน มีชายฉกรรจ์ที่เป็นชาวต่างชาติ ประกอบด้วย ชาวรัสเซีย ชาวเยอรมัน และชาวคาซัคสถาน ทั้งหมด 6 คน เข้ามารุมล้อม พร้อมทำการข่มขู่ ซึ่งหนึ่งในนั้นทราบชื่อคือ นายซัลมาน อัลมาตี สัญชาติเยอรมัน อ้างว่าเคยพบกับตนเองและภรรยาที่ประเทศรัสเซีย และให้ตนโอนเงินสกุลดิจิทัลหรือคริปโตฯ มาให้ จำนวน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 112 ล้านบาท แต่ตนเองมีคริปโตฯ อยู่เพียง 5.8 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 2.18 ล้านบาท และกลัวว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย จึงได้โอนไปให้ 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 1.87 ล้านบาท
นายเอฟกีนี่ เล่าอีกว่า หลังจากนั้นนายซัลมาน ได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ พร้อมบอกว่าจะกลับมาเอาเงินอีกครั้ง ก่อนที่ชายฉกรรจ์ทั้ง 6 คน จะเดินออกจากร้านไป โดยมี 5 คนขึ้นรถตู้สีดำ และอีก 1 คน ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าคลิ๊ก 125 สีแดง ออกไป จากนั้นวันที่ 16 ก.ย. ตนเองและภรรยาได้ขับรถออกจากบ้าน เพื่อไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร แต่ระหว่างทางได้สังเกตเห็นมีคนคอยติดตาม จึงได้รีบกลับบ้านทันที
ต่อมาวันที่ 18 ก.ย. คนกลุ่มนี้ได้โทรศัพท์ผ่านระบบเทเลแกรมเข้ามาถามตน พร้อมกับถามว่า หาเงินคริปโตฯ ได้หรือยัง ถ้าหาได้แล้วรีบโอนมาอีก หรือหากมีเงินสดให้ไปเปลี่ยนเป็นเงินสกุลคริปโตฯ และให้โอนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อันหนึ่ง แต่ตนเองไม่ได้โอนให้เพราะไม่มีเงิน และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตนและภรรยาหวาดกลัวอย่างมาก จึงได้ตัดสินใจแจ้งความกับตำรวจ
ด้าน พ.ต.อ.พงษ์ขจร สุกกสังค์ ผกก.สภ.เกาะสมุย เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งจากผู้เสียหาย ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.เกาะสมุย ร่วมกับ ตำรวจสืบสวนภาค 8 และ ตม.สุราษฎร์ธานี เร่งติดตามหาตัวกลุ่มคนร้าย
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด โดยพบรถตู้และรถจักรยานยนต์ตรงตามที่ผู้เสียหายได้ระบุ และยังพบว่าเลขทะเบียนรถที่กลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ใช้เป็นยานพาหนะ เป็นรถเช่ามาจากในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี จึงสันนิษฐานว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ ได้ออกจากพื้นที่เกาะสมุยไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวเพื่อมาสอบสวนต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 6 คน เป็นชาวคาซัคสถาน 2 คน เยอรมัน 2 คน รัสเซีย 1 คน และอีก1 คน อยู่ระหว่างตรวจสอบ จากข้อมูลการเดินทางเข้าออกประเทศ และยังพบว่า นายซัลมาน ได้เดินทางออกจากไทยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนชาวคาซัคสถาน 1 คน เดินทางออกจากไทยผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ผู้เสียหายจะเข้าไปแจ้งความที่ สภ.เกาะสมุย
ติดตาม รายการ "ข่าวเย็นประเด็นร้อน" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35