logo Beartai 7HD ไอทีและยานยนต์

ห้องแบบนี้ เลือก BTU เท่าไหร่ ? วิธีเลือกซื้อแอร์ เหมาะสมกับบ้าน เย็นสบายแถมไม่กินไฟ !

Beartai 7HD ไอทีและยานยนต์ : การเลือกซื้อแอร์ เป็นเรื่องที่จะว่ายากก็ไม่ใช่ จะว่าง่ายก็ไม่เชิง เพราะรายละเอียดมันมากมายเหลือเกิน นอกจากประหยัดไฟเ หนุ่ย พงศ์สุข,แบไต๋,แบไต๋ 7HD ไอทีและยานยนต์เทคโนโลยี,CH7HDNEWS,TERODigital,beartai7HD,แบไต๋7เอชดีไอทีและยานยนต์,ช่อง7,ข่าวล่าสุด,ch7hdnews,ข่าวช่อง7,กด35,แบไต๋ 7 เอชดี ไอทีและยานยนต์,beartai7hd,ฟิล์มกรรญกฤต อรรควงษ์,เบนซ์ชนกนันท์ เสนปิ่น,ภูมิเกียรติภูมิ บันลือชัยฤทธิ์,beartai IQ,ดาราช่อง7,tiktok,วิธีเลือกซื้อแอร์,ซื้อแอร์แบบไหนดี,วิธีคำนวณBTU,แอร์แบบไหรประหยัดไฟ,ซื้อแอร์,แอร์บ้าน,สหรัฐ,เครื่องกำเนิดไฟฟ้า,เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังคลื่นใต้ทะเล,เอ็กซ์เวฟ,xWave

246 ครั้ง
|
26 ก.ย. 2565
การเลือกซื้อแอร์ เป็นเรื่องที่จะว่ายากก็ไม่ใช่ จะว่าง่ายก็ไม่เชิง เพราะรายละเอียดมันมากมายเหลือเกิน นอกจากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่เราได้ยินกันคุ้นหูคุ้นตา การเลือกซื้อแอร์ที่เหมาะกับเราต้องดูอะไรบ้าง ค่า BTU มันคืออะไร และต้องคำนวณอย่างไร แบไต๋มีคำตอบ
 
อันดับแรกเรามารู้จักชนิดของแอร์กันก่อน หลักจะแบ่งเป็น 5 ประเภท
 
1. เครื่องปรับอากาศแบบติดผนัง (Wall Type) ประเภทนี้จะเป็นที่นิยมใช้กันมาก ด้วยขนาดเล็กกะทัดรัด ราคาไม่สูงมาก ติดตั้งง่าย ไม่เปลืองพื้นที่ ดูแลทำความสะอาดก็ง่ายมาก ๆ ส่วนใหญ่แล้วแอร์ประเภทนี้มักจะใช้ตามบ้านเรือน คอนโด หรือออฟฟิศสำนักงานขนาดเล็ก
 
2. เครื่องปรับอากาศแบบแขวน (Ceiling Type) แอร์ประเภทนี้ก็ได้รับความนิยมรองจากแอร์ติดผนัง มีให้เลือกหลายขนาด มีกำลังพัดลมมาก ทำให้ส่งลมได้ไกล กระจายความเย็นได้ดี ราคาก็ไม่สูงมากนัก แต่ตัวใหญ่ เวลาติดตั้งจะไม่สวยงามเท่าแบบติดผนัง
 
3. เครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้น (Floor Type) แอร์ประเภทนี้พบได้บ่อยตามหอประชุม หรือห้องขนาดใหญ่ ด้วยจุดเด่นให้ความเย็นที่ระดับพื้นได้ไว เพราะลมเย็นออกมาในระดับที่ไม่สูงจากพื้นต่างจากแอร์ติดผนัง ที่สำคัญมีล้อเลื่อนสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก แต่ด้วยความที่อยู่บนพื้น ก็อาจเกะกะได้บ้าง
 
4. เครื่องปรับอากาศแบบฝังเพดาน 4 ทิศทาง (4 Way Ceiling Cassette Type) แอร์ประเภทนี้จะเป็นแบบฝังเข้าไปกับเพดาน แอร์มีขนาดใหญ่ เหมาะกับห้องที่มีขนาดใหญ่ แต่ไม่อยากใช้แอร์ตั้งพื้น สามารถปล่อยความเย็นออกมาจากตัวแอร์ 4 ทิศทาง ทำความเย็นได้ดี สวยงาม ที่สำคัญไม่กินเนื้อที่อีกด้วย
 
5. เครื่องปรับอากาศแบบฝังเพดานชนิดต่อท่อลม (Duct Type) เป็นแอร์ที่เหมาะกับอาคารขนาดใหญ่ โดยต่อท่อลมมายังจุดที่เจาะท่อลมไว้ ที่ต้องการสร้างความเย็นหลาย ๆ ส่วนพร้อมกัน เหมาะกับห้องที่เน้นความสวยงามเพราะไม่เห็นตัวเครื่องเลย นอกจากช่องลม
 
เรื่องสำคัญต่อมาคือ BTU หรือ (British Thermal Unit) คือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ เราต้องเลือกขนาดของแอร์และห้องให้พอดีกัน เพราะหากแอร์ที่เลือกมี BTU สูงหรือต่ำเกินไป จะทำให้เปลืองไฟ หรือใช้กำลังมากไปจนแอร์เสียได้
 
วิธีคำนวณก็คือ
 
สำหรับห้องทั่วไป ให้เอา ความกว้าง x ความยาว x 600
เช่น ห้องกว้าง 4 เมตร ยาว 5 เมตร ขนาด BTU ที่เหมาะสม คือ 4 x 5 x 600 = 12,000 BTU
 
สำหรับห้องที่มี เพดานสูง หรือ แดดส่องจัด
ให้เอา ความกว้าง x ความยาว x 800 หรือ 1000 ก็ได้ตามความเหมาะสม
เช่น ห้องกว้าง 4 เมตร ยาว 5 เมตร มีเพดานสูง ขนาด BTU ที่เหมาะสมคือ 4 x 5 x 800 = 16,000 BTU
 
สำหรับห้องที่มีคนอยู่มากกว่าปกติเช่น ออฟฟิศ ร้านอาหาร
สูตรคำนวณคือ ความกว้าง x ความยาว x 1,200
เช่น ห้องกว้าง 4 เมตร ยาว 5 เมตร ขนาด BTU ที่เหมาะสมสำหรับห้องนี้คือ 4 x 5 x 1,200 = 24,000 BTU
เมื่อได้ชนิดแอร์และจำนวน BTU แล้วสิ่งสุดท้ายคือดูเรื่องการประหยัดไฟ ตรงนี้ถ้าสังเกตง่าย ๆ คือเน้นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5  ซึ่งยิ่งเป็นเบอร์ 5 ที่ได้ดาวเยอะ ก็ยิ่งประหยัดไฟมากขึ้น
 
หรือถ้าให้ดียิ่งขึ้นไปการเลือกแอร์ที่มีระบบ Inverter ก็จะยิ่งประหยัดไฟเพราะใช้การลดรอบ ไม่ใช่การตัดรอบทำความเย็น ทำให้สร้างความเย็นได้คงที่ อุณหภูมิไม่สวิงไปมา เครื่องก็ไม่ต้องกระชากไฟบ่อย ๆ ต่างจากแบบคอมแอร์ทั่วไปที่พอเย็นถึงจุดหนึ่งแล้วจะตัด ทำให้ต้องทำความเย็นใหม่ ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่ง
 
นอกจากเรื่องชนิดแอร์, ค่า BTU และประหยัดไฟ ปัจจุบันแอร์ก็มีลูกเล่นต่าง ๆ มากมายต่างกันไปในแต่ละแบรนด์ เช่นเปิด-ปิดเองเมื่อคนไม่อยู่, มีเซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหว เพื่อใช้แอร์อย่างมีประสิทธิภาพ หรือสั่งการได้จากระยะไกล อย่างไรก็ตามลองศึกษาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ได้
 
ติดตาม รายการ “แบไต๋ 7HD ไอทีและยานยนต์” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20-12.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 
ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/Z2HuUi-fusY

ข่าวที่เกี่ยวข้อง