พี่สาวร้อง น้องสาหัสถูกกระบะตัดหน้า คู่กรณีอ้างถูกแซงซ้าย แถม ตร. ด่า “อย่ามาแทงข้างหลังผม”

 

พี่สาวร้องสื่อ น้องสาวขี่จักรยานยนต์ถูกกระบะตัดหน้า อาการสาหัส ผ่านมากว่า 1 เดือน ยังไม่ฟื้นนอนไอซียู คดีไม่มีอะไรคืบหน้า ด้านคู่กรณีอ้างถูกแซงซ้าย แต่ฝ่ายผู้เสียหายมีภาพวงจรปิดยืนยันว่าไม่ได้แซง 

 

 

            วันที่ 26 ก.ย. 65 ญาณญา วรจิระกรวิช (จุ๋ม) พี่สาวของผู้บาดเจ็บ  ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า น้องถูกรถชนตั้งแต่ 31 ส.ค. วันนั้นกู้ภัยติดต่อแม่ และแม่โทรมาบอกตน โดยตอนนั้นกู้ภัยเร่ง บอกให้แม่รีบมาด่วน เพราะตัวน้องมีอาการสมองบวมทั้ง 2 ข้าง ต้องรีบผ่าตัดด่วน แต่แม่อยู่ไกล เขาเลยมาถึงช้า ทั้งนี้น้องใส่หมวกกันน็อค แต่ถูกชนจนหมวกกันน็อคหลุดหัวเลยกระแทกพื้น เลยกลายเป็นว่ากระโหลกศีรษะแตก หลังจากกลับจากโรงพยาบาล ตนจะเข้าไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน แต่ตำรวจบอกว่าไม่ต้องทำอะไรกลับบ้านได้ เขาลงบันทึกประจำวันไว้ให้หมดแล้ว รอน้องหายแล้วค่อยมาให้ปากคำ 

 

 

            อาการตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัวตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ยังคงอยู่ในห้องไอซียู คุณหมอแจ้งว่าในกรณีที่ดีที่สุดก็คือเป็นเจ้าหญิงนิทรา แต่ที่ต้องดูอาการใกล้ชิด เพราะว่า ความดันยังไม่คงที่ มีอาการหอบ และบริเวณที่เจาะคอมันติดเชื้อ หมอต้องให้ยาฆ่าเชื้อเพิ่มทุกวัน และให้ยากันชัก อีกทั้งต้องให้ยานอนหลับ เพื่อให้เขาพักผ่อน 

 

 

            ทั้งนี้ ตนได้ไปสอบถามแม่ค้าที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ เขาเล่าว่า แถวนั้นจะมีป้อมตำรวจอยู่ และตำรวจในนั้นเขามาหาคนชนก่อนที่ร้อยเวรจะมา ตนก็ไม่แน่ใจว่าเขารู้จักกันหรือเปล่า แม่ค้ายังเล่าอีกว่า หลังเกิดเหตุ เขาชนเสร็จ เขาลงจากรถไม่ได้มาดูผู้บาดเจ็บเลย เมียเขานั่งอยู่หน้ารถ ก็ลงจากรถเข้าร้านสะดวกซื้อไปเลย ไม่มีใครลงมาดูน้องตน จนแม่ค้าต้องมากางร่มให้ เพราะฝนตก แถมผู้ก่อเหตุยังบอกว่าเขาไม่ผิด น้องตนผิดที่แซงซ้ายมา ขณะเดียวกันน้องก็ยังนอนหงายอยู่แบบนั้น แต่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้น เขาเลยห้ามเอาไว้ ห่วงว่าจะกระดูกหักหรือเปล่า จากนั้นน้องก็ชักเกร็ง จนสลบไป

 

            นอกจากนี้ ได้ไปร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม เนื่องจากกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาแนะนำว่าให้รีบไปขอไฟล์กล้อง เดี๋ยวมันจะถูกลบไปซะก่อน โดยหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านสะดวกซื้อ และกล้องหน้าและหลังของตัวรถ โดยตำรวจบอกว่าไปร้องศูนย์ดำรงธรรมทำไม ทำไมไม่คุยกับร้อยเวรก่อน ถ้ามีอะไรก็คุยกัน อย่ามาแทงข้างหลัง เขาเลยขอให้แม่ถอนคำร้อง แต่ตนบอกว่าจะถอนให้ถ้าได้ไฟล์กล้อง 

 

 

            โดยตอนที่พ่อไปขอภาพกล้องวงจรปิดกับตำรวจ เขาก็บอกว่าเขาทำเรื่องไปที่ร้านสะดวกซื้อบริเวณที่เกิดเหตุแล้ว แต่ทางร้านสะดวกซื้อที่ทำเรื่องขอไป เขาต้องรอเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับงานคอมพิวเตอร์มาโหลดไฟล์ให้ เพราะไม่มีใครโหลดเป็น แต่ภาพจากกล้องหน้า และหลังรถของผู้ก่อเหตุ ไม่สามารถเอามาได้ ประกันของเขาทำท่าเหมือนจะให้ แต่ก็ไม่ให้ แถมยังขู่ว่าจะฟ้องหากเอาภาพกล้องของเขามาทำให้เสียหาย  ทั้งนี้ภาพจากกล้องในรถ ตนเห็นแล้วซึ่งเห็นแค่ว่าน้องขี่ตามหลัง และตอนเขาหักเลี้ยวชน แต่ตอนแซงซ้ายตนไม่เห็น ขณะเดียวกัน ตำรวจก็ให้ฟังเสียงว่าในคลิปฝั่งรถกระบะเขาเปิดไฟเลี้ยวมาไกลเหมือนกัน แต่ตน กับครอบครัวฟังแล้ว ก็ไม่มีใครได้ยินเลย มีแต่ตำรวจที่ได้ยิน สุดท้ายตำรวจบอกว่า ไม่ใช่เขาไม่ทำเรื่องแต่เขาต้องรอก่อน เพราะมันสามารถฟ้องได้ครั้งเดียว ถ้าน้องเกิดเสียชีวิตจะไม่สามารถฟ้องเพิ่มได้ 

 

            อย่างไรก็ตามตั้งแต่เกิดเหตุ เพิ่งจะได้คุยกับคู่กรณีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (24 ก.ย.) โดยคู่กรณีจะเยียวยาเบื้องต้น 2 หมื่น ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาก็มาเยี่ยมน้อง 2 รอบ ได้เอาเงินให้แม่เป็นค่าสินน้ำใจ 5 พัน ไม่เกี่ยวกับคดี

 

 

            ด้าน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า เคสนี้จริง ๆ แล้ว เราเป็นผู้เสียหาย ต้องแจ้งความดำเนินคดีกับตัวของคนที่ขับรถกระบะ ข้อหา ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าเกิดว่าน้องที่ถูกชนเสียชีวิต ต้องดำเนินคดีแจ้งข้อหาเพิ่ม โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสน 

 

            ซึ่งตำรวจต้องแจ้งข้อหาก่อนเลย ถ้าเกิดน้องเสียชีวิตก็สามารถมาแจ้งข้อหาเพิ่มได้ อีกอย่างเคสนี้ภาพวงจรปิดมันเห็นชัดเลย ว่าเขาหักเลี้ยวเข้ามากระทันหันมาชน ควรจะปิดจบได้ ส่วนญาติผู้เสียหายถ้ากลัวเรื่องของกฎหมาย แนะนำให้ไปร้องกับยุติธรรมประจำจังหวัด เขาจะช่วยจัดหาทนายให้

 

 

            ฟาก พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.หนองแค เผยว่า เคสนี้พนักงานสอบสวนให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ที่สำคัญต้องให้ความสำคัญกับคนเจ็บ เขายังไม่สามารถให้การได้ และแพทย์เองก็ยังไม่ได้ลงความเห็น แต่ได้สอบสวนเบื้องต้นแล้ว ภาพหลักฐานก็มีหมด เพียงแต่รอน้องคนเจ็บให้การได้ ส่วนประเด็นที่ว่าคนเจ็บ แซงซ้ายมาหรือไม่ เรายังไม่สามารถสรุปได้ เราไม่ใช่ศาลไม่สามารถชี้ผิดชี้ถูกได้ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแน่นอน ขอให้ผู้เสียหายใจเย็น