สาวโพสต์เศร้า เล่าเรื่อง แม่เกิดอุบัติเหตุรถชน หัวฟาดพื้น เลือดออกหู จมูก ปาก อาการสาหัส นำตัวส่ง รพ. กลับถูกปลฏิเสธ โบ้ยให้ไปรักษา รพ. ตามสิทธิ์ สุดท้ายเสียชีวิต ติดใจ ทำไม รพ. ปฏิเสธ
วันที่ 29 ก.ย. 65 สุนิสา โสมาบุตร (พลอย) ลูกสาวของผู้เสียชีวิต ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า วันเกิดเหตุ น้องชายของแม่โทรมาแจ้งข่าวกับตน ว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้น แม่หมดสติแล้วตอนนี้ ให้ตนรีบไปที่เกิดเหตุ พอไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่า แม่หมดสติ ศีรษะแตก เลือดออกที่หู จมูก ปาก ไม่สามารถสื่อสาร ตอบสนองได้แล้ว ต้องใช้ถังออกซิเจนช่วยอีกด้วย จากนั้นรอประมาณ 20 นาที รถฉุกเฉินจากโรงพยาบาลถึงมา เขาก็ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำตัวส่งโรงพยาบาล
ทั้งนี้ เจ้าหน้ารถฉุกเฉินได้ถามตนว่าแม่มีสิทธิ์ประกันสังคมอยู่ที่ไหน ซึ่งแม่มีสิทธิ์อยู่ที่ โรงพยาบาลหัวเฉียว แต่ไม่ได้ไปที่นั่นเป็นที่แรก ซึ่งตนก็ไม่ทราบเหตุผล อย่างไรก็ตาม ตามที่ตนรู้มาถ้าเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินหมดสติแบบนี้ จะนำตัวไปส่งที่ไหนก็ได้ที่ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งวันนั้นคือที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ นอกจากนี้ระหว่างเดินทางไปโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่มีการประสานงานไปยังโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เพื่อจำนำตัวคนไข้เข้ารักษา แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าให้นำตัวส่งโรงพยาบาลตามสิทธิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เขาบอกว่า ไปไม่ถึงแน่นอน คนไข้จะไม่ไหวแล้ว อาการสาหัส เลือดไหลออกจากหูตลอด อีกทั้งโรงพยาบาลตามสิทธิ์อยู่ไกลกว่าที่นี่มาก และเป็นช่วง 17.00 น. รถค่อนข้างติด
พอไปถึง ตนกับแม่ก็รอเจ้าหน้าที่อยู่บนรถ เจ้าหน้าที่มีการเดินเข้าเดินออกหลายรอบ ไม่ทราบว่าเขาคุยอะไรกัน กระทั่งรอได้ประมาณ 20 นาที หมอก็ออกมา มาดูอาการของแม่ และสอดท่อเครื่องช่วยหายใจ และบอกให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์ ซึ่งตอนนั้นตนยังอยู่ในอาการช็อก และอยากช่วยแม่ให้ปลอดภัยเร็วที่สุด เลยไม่ได้ถามเขาว่า เพราะอะไรถึงปฏิเสธการรักษา จากนั้นระหว่างเดินทางไปโรงพยาบาลตามสิทธิ์ สังเกตว่าอาการเริ่มไม่ดีแล้ว จนไปถึงโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ไม่นานก็ต้องทำ CPR แล้ว แต่สุดท้ายคุณหมอแจ้งว่า การทำ CPR ไม่เป็นผล คุณแม่เสียชีวิตแล้ว
สำหรับเรื่องที่ตนติดใจ คือโรงพยาบาลแห่งแรก ทำไมถึงปฏิเสธการรักษา และให้ตนกับแม่รออยู่นานทำไมตั้ง 20 นาที ถ้ารู้ว่าไม่สามารถรับคนไข้ได้จริง ๆ จะให้รถฉุกเฉินไปส่งตัวที่นั่นทำไม จะได้เบนเข็มไปที่อื่น มันส่งผลให้โรงพยาบาลแห่งที่ 2 เขาไม่มีเวลามาวิเคราะห์ หรือวิเคราะห์การรักษา เพราะเสียเวลาจากโรงพยาบาลแรกมามากแล้ว อย่างน้อยถ้าเขารักษาเต็มที่ หรือถ้าแม่พ้นขีดอันตรายในสภาพไหนก็แล้วแต่ ตนยังโอเคมากกว่านี้ เราจะไม่ติดใจเลย แต่อันนี้เหมือนเขาปัดให้ไปรักษาตามสิทธิ์
ด้าน นพ.พรเทพ แซ่เฮ้ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เผยว่า รถฉุกเฉินที่ไปรับ เป็นรถของ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ กรณีแบบนี้ ตามปกติ เวลาไปรับคนไข้จะมีการประเมินอาการทางสมองคะแนนเต็ม 15 แต่ผู้ป่ววยรายนี้ได้รับการประเมินต่ำสุดคือ 3 แต่ ณ เวลานั้นมีความดันอยู่ที่ 150/100 พยาบาลที่อยู่ในที่เกิดเหตุจึงประสานไปที่ศูนย์เอราวัณ ให้ประสานโรงพยาบาลปลายทาง ซึ่งในระหว่างประสานอยู่นั้น พยาบาลเขามีความกังวลว่าจะช้า จึงให้คนขับกลับมาที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ก่อน เพราะเขามองว่า เป็นบ้านของตัวเอง กลับมาแล้วคงได้รับการช่วยเหลือ แต่เขาไม่ทราบว่าขณะนั้นทางโรงพยาบาล มีผู้ป่วยอยู่ในห้องฉุกเฉินกว่า 30 รายเป็นเคสวิกฤติ 8 ราย ทำให้ไม่มีพื้นที่รับผู้ป่วยฉุกเฉินใหม่ได้ แต่ก็ได้มีแพทย์ฉุกเฉินเข้าไปรักษาอาการ สอดท่อช่วยหายใจ เบื้องต้นให้ และที่ใช้เวลานาน ก็เพราะแพทย์รักษาคนอื่นอยู่
ขณะที่ประเด็นว่าทำไมถึงต้องประสานรักษาตามสิทธิ์ เนื่องจาก หากเราส่งตัวไปโรงพยาบาลที่ไม่ใช่ตามสิทธิ์ เขามีโอกาสปฏิเสธสูง และการที่ส่งตัวไปโรงพยาบาลตามสิทธิ์เรา น่าจะมีประโยชน์มากกว่ารอให้ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ว่าง โดยอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ ส่วนเรื่องที่ทำไมถึงไม่เบนเข็มรถฉุกเฉินไปที่อื่น หากรับไม่ได้นั้น เนื่องจากว่า รถฉุกเฉินนั้นจะฟังศูนย์เอราวัณเป็นหลัก และการที่รถฉุกเฉินจะแวะที่โรงพยาบาลหนึ่งก่อน เพื่อใส่ท่อช่วยหายใจ และไปส่งโรงพยาบาลปลายทาง เป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม หากที่โรงพยาบาลมีพื้นที่พอจะรับผู้ป่วยได้ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธการรักษา
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35