สภาวะวิกฤติทุกวันนี้ ! ทำให้หลายคนรู้ถึงความจำเป็นของการมีเงินสำรองฉุกเฉิน ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับเงินฉุกเฉินสำรองกันก่อน ถ้าไม่มีสำรองเตรียมไว้จะเกิดอะไรขึ้น
เงินสำรองฉุกเฉิน ควรจะเป็นตะกร้าเงินที่ทุกคนจะต้องมี ในชีวิตประจำวันมีความเสี่ยง อาจจะมีความจำเป็นต้องใช้เงินฉุกเฉิน โดยเฉพาะเรื่องเงินสำคัญมาก ถ้าตกงานขึ้นมา รายได้ลดลง เงินที่เคยได้มาเดือนละ 20,000 อาจจะถูกลดลงมาเหลือ 15,000 ก็ช็อต ถ้าไม่มีเงินสำรองเตรียมไว้ ถ้าไปหยิบยืมก็จะเป็นหนี้
โดยปกติ คนเราถ้าเกิดว่ารายได้ลด ถ้ามีระยะเวลาในการตั้งหลัก ตั้งตัว ประมาณ 6 เดือน ก็จะมีเงินหมุนเวียนพอใช้ ก็จะทำให้มีเวลาคิด เริ่มหยิบจับทำอะไรใหม่ได้ แต่ถ้าเกิดตกงานมาแล้วไม่มีเงินเก็บสำรองไว้เลย ก็ต้องเป็นหนี้ ไปหยิบยืมคนอื่น
ในระยะเวลา 6 เดือน ให้ดูจากค่าใช้จ่ายเป็นหลัก เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน สามารถจ่ายในสิ่งที่จำเป็นกับชีวิตได้ไปอีก 6 เดือน ถ้าใน 6 เดือน มีรายจ่าย 10,000 บาท คูณ 6 ก็จะเป็น 60,000 ถ้ามีเงินเก็บเยอะแล้ว อาจจะกัน 60,000 บาท มาเป็นเงินสำรองได้เลย
สำหรับคนที่ยังไม่มี ต้องเริ่มต้นเก็บ โดยหลักการออมเงิน ก็จะมีมาตรฐานอยู่แล้ว ควรจะเก็บออม 10% หาได้ 100 เก็บ 10 บาท แต่ควรเอาเท่าที่ไหว กำหนดเป็นตัวเลข 500 , 1,000 , 1,500 ฝากใส่ในบัญชี จนมันครบในจำนวนที่ต้องจ่าย
ตัวเงินสำรองฉุกเฉิน ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะได้ใช้ตอนไหน เมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นหัวใจสำคัญ คือ 1.ต้องเบิกถอนได้ตลอดเวลา
2.เมื่อจะต้องใช้ จะต้องมีเงินอยู่ ห้ามผันผวน
ที่เหมาะที่สุด คือ กลุ่มเงินฝากระยะสั้น เป็นเงินฝากที่สามารถพร้อมใช้ได้ตลอดเวลา ยิ่งฝากนาน ยิ่งได้ดอกเบี้ยสูง และพร้อมให้เบิกถอนได้ตลอดเวลา เวลาเบิกถอนก็จะได้ดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่ฝากจริง
อยากให้ลองดูธนาคารออมสิน เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 5 จ่ายดอกเบี้ยเมื่อฝากครบ 5 เดือน รับดอกเบี้ยต่อปีที่ 0.5% เทียบเท่ากับเงินฝากประจำ 0.5% ต่อปี และเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 10 จ่ายดอกเบี้ยเมื่อฝากครบ 10 เดือน รับดอกเบี้ย 0.6% ต่อปี เทียบเท่ากับเงินฝากประจำ 0.7% ต่อปี เปิดบัญชีขั้นต่ำ 10,000 บาท ฝากเพิ่มไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท และฝากได้ไม่จำกัดจำนวนเงิน โปรโมชั่นนี้ ฝากได้ถึง 30 กันยายน 2565 เท่านั้น
การซื้อของออนไลน์กลายเป็นวิธีช็อปปิ้งแบบใหม่ที่คนไทยให้ความสนใจ ยิ่งถ้ามีพัสดุที่จดจำง่าย มีความสวยงาม ก็สามารถสร้างความประทับใจให้ลูกค้ากลับมาซื้อ เผย 3 เทคนิคเพิ่มมูลค่าพัสดุให้ลูกค้าประทับใจ เป็นที่น่าจดจำ !
1.การเลือกใช้กล่องพัสดุ
นอกจากจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับสินค้าทั้งขนาด และรูปแบบของกล่องแล้ว หากเราอยากจะเพิ่มมูลค่าให้เป็นที่น่าจดจำ ก็สามารถออกแบบกล่องพัสดุให้มีสีสัน เพิ่มเทคนิคการปั๊มนูน และปั๊มยุบบนกล่องบรรจุภัณฑ์ หรือ ไดคัทกล่องเป็นรูปทรงต่างๆ ให้เป็นเอกลักษณ์บ่งบอกความเป็นแบรนด์ของตัวเองได้ ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของเราได้แล้ว ยังทำให้สินค้าดูโดดเด่นกว่าคู่แข่งอีกด้วย
2. การเลือกใช้อุปกรณ์เสริมกล่อง
การใช้อุปกรณ์เสริมกล่องจะช่วยทำให้กล่องบรรจุภัณฑ์ของเราตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เช่น ใช้เชือกถักกลม หรือ ริบบิ้น สำหรับหิ้วหรือดึงเปิดกล่อง หรือ เพิ่มหน้าต่างใส PVC เพื่อให้มองเห็นสินค้าภายใน มาใช้เป็นส่วนประกอบของกล่องเพิ่ม เพียงเท่านี้กล่องของคุณก็ดู Luxury เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
3.การออกแบบอากรแสตมป์ของตัวเอง
การสร้างภาพจำให้พัสดุของเราก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้พัสดุของเรามีเอกลักษณ์ เช่นการออกแบบอากรแสตมป์ที่สามารถใช้งานได้จริงของไปรษณีย์ไทย ซึ่งเราก็สามารถใส่โลโก้ หรือออกแบบลวดลายต่างๆ เป็นคอลเล็คชั่น เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสะสมได้อีกด้วย ซึ่งวิธีนี้ก็จะทำให้พัสดุของเราไม่เหมือนใครและน่าจดจำมากขึ้นนั่นเอง ใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://www.thailandpostmart.com ได้เลย
และนี่คือ 3 เทคนิคเพิ่มมูลค่าพัสดุให้ลูกค้าประทับใจ เป็นที่น่าจดจำ!
ติดตาม รายการ “เงินทองของจริง” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.05-9.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35