เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (14 ก.ย. 65) เกิดเหตุ “จ่าสิบเอก” รายหนึ่ง ใช้อาวุธปืนไปก่อเหตุกราดยิง ภายในวิทยาลัยการทัพบก จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ อีก 1 ราย ตรวสอบ พบ มีอาการทางจิตมานานแล้ว แถมเจ้าตัว ประกาศจะยิงให้ครบ 10 คน
เหตุการณ์ระทึกนี้ เกิดขึ้นภายในวิทยาลัยการทัพบก กรมยุทธศึกษาทหารบก ถนนเทอดดำริ แขวงถนนนครชัยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
หลังก่อเหตุ ชายคนดังกล่าว ได้ถืออาวุธปืน ที่ใช้ก่อเหตุ ไปยืนสงบสติอารมรณ์ที่ด้านหน้าป้ายกรมยุทธศึกษาทหารบก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จัดกำลังจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าไปปิดล้อมถนน และ อาคารโดยรอบ พร้อมทำการเกลี้ยกล่อมให้ชายคลั่งวางอาวุธ จนในที่สุด ชายคนดังกล่าว ก็ยอมวางอาวุธปืน และ มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ก่อนทราบชื่อ คือ จ่าสิบเอกยงยุทธ มังกรกิม อายุ 58 ปี เสมียนวิทยาลัยการทัพบก
และเมื่อไปตรวจสอบภายในอาคาร พบ ผู้เสียชีวิตคาที 1 ราย ทราบชื่อ คือ จ่าสิบเอก นพรัตน์ อินทสุนทร ตำแหน่งเสมียน กองธุรการ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ เสียชีวิตอยู่ใกล้กับโต๊ะทำงาน
ส่วนจ่าสิบเอกระการ สินส่ง และจ่าสิบเอก ยงยุทธ์ ปัญญานุวัฒน์ เสมียนวิทยาลัยการทัพบก ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนมีรายงานต่อมาว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นาย คือ จ่าสิบเอกประการ สินส่ง เนื่องจากมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ และแขน
จากเหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า โชคดีอย่างมากที่วันนี้มีเจ้าหน้าที่อยู่ในห้องทำงานไม่มาก เพราะผู้บังคับบัญชา อาจารย์ประจำ รวมถึง เจ้าหน้าที่ ไปอบรมสัมมนาที่ จ.เพชรบุรี เพื่อเตรียมแผนการศึกษาของนักเรียนวิทยาลัยการทัพบกในปีถัดไป ซึ่งจะเข้าเรียนในต้นเดือนตุลาคมนี้
เนื่องจาก ผู้ก่อเหตุประกาศว่าจะยิงให้ครบ 10 คน โดยตั้งใจจะมาก่อเหตุยิง นายทหาร สัญญาบัตรคนหนึ่ง แต่ไม่อยู่ จึงทำการยิงจ่าเพื่อนทหารแทน ทั้งที่จริงแล้ว ผู้ตายกับผู้ก่อเหตุ ก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน
หลังเกิดเหตุ พี่สาว ของ จ่าสอบเอกนพรัตน์ ที่ถูกยิงเสียชีวิต ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ พร้อมกับร่ำไห้ว่า น้องชายตัวเองไม่เคยมีปัญหากับใคร ทำงานดีมาตลอด เหลืออายุราชการอีก 2 ปีจะเกษียณแล้ว พร้อมบอกว่า เมื่อคืนน้องชายเพิ่งโทรศัพท์พูดคุยกันอยู่เลย ตอนนี้ยังไม่รู้สาเหตุ ทำไมน้องชายตัวเองต้องถูกยิง ทำไมผู้ก่อเหตุพกปืนเข้าไปได้ สำหรับผู้ก่อเหตุไม่เคยรู้จักมาก่อน ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
และเมื่อไปตรวจสอบประวัติ จ่าสิบเอกยงยุทธ (ผู้ก่อเหตุ) เคยประสบอุบัติเหตุมาก่อน และส่งผลมีอาการทางจิต ที่ผ่านมาก็มีการรักษาตัวเรื่อยมา แต่ก็ยังมีอาการอยู่ เนื่องจากวันที่ผู้บัญชาการทหารบก ไปทำพิธีปิดหลักสูตรที่วิทยาลัยการทัพบก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าตัวมีอาการ แต่ยังสามารถพูดคุยให้สงบสติอารมณ์ได้ ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุ จากการสอบสวน มาจากความโกรธแค้นเพื่อนร่วมงานที่สะสมมานาน จนมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
ด้านกองทัพบก ออกมาแถลงการณ์ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะรีบดำเนินการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บให้อย่างดีที่สุด และดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการศพของผู้เสียชีวิตอย่างเหมาะสม รวมทั้งการประสานอำนวยความสะดวกในการสืบสวนสอบสวนทางคดี ให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับผู้สูญเสีย
กองทัพบกขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์นี้เป็นความสูญเสียทั้งของครอบครัวและหน่วยงาน เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งกองทัพบกได้กำชับให้หน่วยต้นสังกัด ได้บริหารจัดการในเรื่องดังกล่าวอย่างดีที่สุด
ส่วนตัวผู้ก่อเหตุ ล่าสุดตำรวจควบคุมมาที่ สน.ดุสิตแล้ว เพื่อทำการสอบสวนถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุอย่างแน่ชัด แต่มีรายงานออกมาว่า จ่าสิบเอกยงยุทธ ยังอยู่ในภาวะให้การวกวน และ จับต้นชนปลายไม่ได้ มีเพียงแต่ให้การยืนยัน ว่า ลงมือก่อเหตุดังกล่าวจริง
โดยมีภรรยา ลูกสาว และลูกชาย เดินทางเข้ามาเยี่ยมด้วย ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ พฐ.เข้ามาตรวจเขม่าดินปืนแล้ว ซึ่งตรวจจุดนี้ ตำรวจไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปในบริเวณโรงพัก ให้นักข่าวปักหลักรอด้านนอก และ รอแถลงจาก พล.ต.ต.จีระสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตพรวจนครบาล ในฐานะโฆษกนครบาล ต่อไป
ติดตาม รายการ "ข่าวเย็นประเด็นร้อน" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35