หนุ่มสายตำรวจอ้าง ถูกแก๊งผู้ช่วยกำนันรุมซ้อมจนสลบ ตื่นมาถูกยัดยาบ้า 50 เม็ด !

หนุ่มโวยขอความเป็นธรรม หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์กระทืบสลบ ฟื้นมาถูกยัดยาบ้า 51 เม็ด ลั่นจำผู้ก่อเหตุได้ เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ คาดปมแค้นเป็นสายตำรวจล่อซื้อยาเสพติด 

 

 

            วันที่ 15 ก.ย. 65 เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ ข่าวเย็นประเด็นร้อน ในช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ ตนเดินทางไปซื้อยาเสพติด ช่วงระหว่างรอพ่อค้ายา ก็ถูกผู้ชาย 2 คนขี่รถเข้ามาทำร้ายร่างกายตนจนสลบไป พอเริ่มรู้สึกตัวก็พบว่าถูกมัดตัวไว้ทั้งเท้าทั้งมือ และถูกแก้มัด ก็พบผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาค้นตัว พบยาบ้า 51 เม็ด ตนก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเพราะเขาไม่ได้แสดงตัว และเขายังบังคับให้ตนรับสารภาพ แต่ตนก็ปฏิเสธเพราะไม่ใช่ของตน จากนั้นเขาโทรเรียกกำนัน ทหารมาที่เกิดเหตุ และนำตัวไปส่งที่ตำรวจ ทั้งนี้ตนมาทราบภายหลังว่าชายที่คเนตัวและจับตน เป็นผู้ช่วยกำนัน 

 

            หลังจากถูกจับส่งตำรวจ ตอนนั้นทางตำรวจบอกกับผู้ช่วยกำนันคนดังกล่าวว่า เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมาจับตน หรือว่าค้นตัว เนื่องจากเขาไม่มีใบขออนุญาตตรวจค้นจาก ป.ป.ส. เขาก็เลยโทรแจ้งที่อำเภอ เพื่อขอใบอนุญาตดังกล่าวเลย จากนั้นเขาก็เข้าไปเอาบัตร พร้อมส่งตนเข้าโรงพัก โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดในการครอบครอง 51 เม็ด ก่อนจะถูกประกันตัวออกมาสู้คดี 

 

 

             ทั้งนี้ 2 คนที่ทำร้ายตน ตนเคยเห็นหน้า แต่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว คาดว่าน่าจะแค้นที่เคยไปล่อซื้อยาเสพติดจากเขา เพราะตนเป็นสายให้ตำรวจ ซึ่งคนที่ตนเคยไปล่อซื้อก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยช่วงที่ตนถูกทำร้ายอยู่ เขาก็โวยวายบอกให้ตนไปจับเขาอีกสิ อย่างไรก็ตามตนอยากขอความเป็นธรรม เพราะยาที่ตนถูกจับไม่ใช่ของตน และยังกลัวเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวด้วย 

 

 

            ด้าน นนท์ (นามสมมติ) ผู้ช่วยกำนันที่ถูกกล่าวหาว่ายัดยา เผยว่า วันที่เกิดเหตุ ตนได้รับแจ้งมา จึงเข้าไปตรวจพื้นที่ ซึ่งก็พบผู้เสียหายนั่งอยู่ ตนก็ถามว่ามานั่งทำอะไรตรงนี้ แต่เขาไม่ได้ตอบ จึงบอกให้เขานั่งลงก่อน และตนสังเกตุเห็นว่ามีหลอดสำหรับเสพยา และบุหรี่ จึงขอตรวจค้นเขา เพราะสงสัยว่าจะมียาเสพติด ก็มาเจอยาเสพติดจริง ทั้งนี้ตัวผู้เสียหายเขาได้แจ้งว่าเขาถูกทำร้ายมา และถูกยัดยา และเขายังบอกอีกว่าถูกคู่กรณีของเขาทำ เคยมีเรื่องกันมาก่อน 

 

            ส่วนเรื่องประเด็น ใบขออนุญาตจาก ป.ป.ส. ตนยืนยันว่าไม่ได้ไปขอ ทีมงานที่ไปตอนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ทั้งหมด แต่ที่ไปอำเภอ เพื่อไปขอใบตรวจสารเสพติดในร่างกาย ที่อำเภอต้องเป็นคนออกให้ ถ้าไปตรวจที่โรงพยาบาลเฉย ๆ เขาจะไม่ตรวจสารเสพติดให้ ขณะเดียวกันเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องมีใบขออนุญาติ เพราะเป็นเหตุซึ่งหน้า 

 

 

             ฟาก พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี กล่าวว่า เคสนี้ต้องว่าไปตามหลักฐาน กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน โดยต้องแยกเป็นสองคดี เรื่องยาเสพติด กับเรื่องที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกาย ตำรวจจะดำเนินการหาข้อเท็จจริงมาให้ได้ ตามที่ผู้เสียหายอ้างว่า ยาเสพติดไม่ใช่ของเขา ตอนนี้พนักงานสอบสวนได้เริ่มดำเนินการแล้ว ส่วนเรื่องความปลอดภัยยืนยันว่าไม่ต้องเป็นห่วง จะดำเนินการให้ตำรวจไปคอยดู หรือหากมีอะไรติดขัดให้ติดต่อกับตนได้โดยตรงเลย