ชายหนุ่มอายุ 35 ปี เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ปีนขึ้นไปบนหลังคาของกุฏิวัดเดินไปเดินมา ทำให้พระลูกวัดและชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่และญาติ ๆ ของหนุ่มคนนี้ให้มาเกลี้ยกล่อม เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้น ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่และญาติ ๆ ต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมนานกว่า 23 ชั่วโมง ชายคนนี้ถึงยอมสงบสติอารมณ์ และค่อย ๆ ลงมาจากหลังคากุฏิของวัด
ภาพเหตุการณ์ที่นายหว่อง อายุ 35 ปี กำลังเดินไปเดินมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นบนหลังคา ที่มีความสูงจากพื้นประมาณ 30-35 เมตร จนพระลูกวัดและชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต้องรีบแจ้งไปยังกำนัน ต.กลัดหลวง คือ นายสมเกียรติ กรีฑาธร และ นายจีรยุทธ กิตติวุฒิดำรงชัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านสารเห็ด ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี โดยพระสมชาย ฐิตลาโภ พระลูกวัดสาระเห็ด เปิดเผยว่า นายหว่องคนนี้เป็นชาวบ้านสารเห็ด เป็นบุคคลไร้สัญชาติ เนื่องจากไม่ได้มีการแจ้งเกิด และไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร์ ได้เกิดอาการคลุ้มคลั่ง และได้ปีนขึ้นไปเดินไปมาอยู่บนหลังคากุฏิ จึงเกรงว่าจะเกิดพลัดตกลงมาได้รับอันตราย จึงรีบแจ้งเรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ
หากย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้ ทีมข่าวที่เกาะติดสถานการณ์รายงานว่า เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 10 ก.ย. โดยนายหว่องได้ปีนขึ้นไปบนหลังคากุฏิ เดินไปเดินมาอยู่บนหลังคาและไม่ยอมลงมา ซึ่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านมาคอยเกลี้ยกล่อมอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่เป็นผล แม้ทางเจ้าหน้าที่จะพยายามปีนขึ้นไปพานายหว่องลงมา แต่กลับถูกนายหว่องจะทำร้ายอีก จึงคอยดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ต่อมาทางญาติ ๆ ของนายหว่อง รวมถึงหลานสาว ได้เดินทางมาเกลี้ยกล่อมช่วยเจ้าหน้าที่อีกทาง แต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งหลานสาวคนนี้ใช้เวลาเกลี้ยมกล่อมนานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งน้องได้ร้องไห้ตลอด จนกระทั่งน้องเกิดอาการสลบล้มลงไป แต่นายหว่องก็ยังมีอาการคลุ้มคลั่ง พูดจาอ้างถึงเทพเจ้าที่ตนนับถือ และยังพูดจาบ่นน้อยใจกับโชคชะตาชีวิตของตัวเอง เนื่องจากมารดาได้เสียชีวิตลงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แม้ญาติ ๆ จะมาช่วยเกลี้ยกล่อม แต่ทำอย่างไรนายหว่องก็ไม่ยอมลงมาจากหลังคา แม้กระทั่งช่วงเวลากลางคืน นายหว่องก็นอนหลับอยู่บนหลังคาของกุฏิ โดยใช้วิธีการนอนบนหลังคา บริเวณที่เป็นขอบปูน
จนเหตุการณ์ผ่านไปถึงช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.ของวัน 11 ก.ย. รวมเวลาก็กว่า 23 ชั่วโมง นายหว่องที่ยังปักหลักอยู่บนหลังคาของกุฏิ เริ่มมีทีท่สสงบลง ก่อนจะยอมปีนลงมาจากหลังคา ท่ามกลางความโล่งใจของญาติ ๆ และเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายหว่องเคยมาบวชที่วัดและได้สึกออกไป แต่ก็จะยังคอยช่วยเหลือวัดด้วยการตัดแต่งกิ่งไม้ภายในวัดอยู่เป็นประจำ ปกติเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดจาหรือสุงสิงกับใคร แต่ก่อนหน้านี้เมื่อช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา นายหว่องได้ขโมยเงินของพ่อ จำนวน 6 หมื่นบาท จนถูกพ่อแจ้งตำรวจให้มาจับกุมตัวได้ภายในวัด และยึดเงินกลับคืนได้ แต่พอช่วงสาย ๆ วันที่ 10 ก.ย. นายหว่องก็เกิดอาการคลุ้มคลั่งโดยไม่ทราบสาเหตุ และปีนขึ้นไปเดินอยู่บนหลังคากุฏิวัด
หลังเหตุการณ์สงบ นายหว่องได้ปีนจากหลังคาลงมา จากนั้นขอให้เจ้าหน้าที่พาไปกราบไหว้เทพเจ้าที่ตั้งอยู่ภายในวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำตามคำขอของนายหว่อง และได้ทำการตรวจหาสารเสพติด แต่ไม่พบแต่อย่างใด
ส่วนสาเหตุของการคลุ้มคลั่ง พี่สาวของนายหว่อง เล่าว่า นายหว่องมีอาการทางจิตเวช ที่ผ่านมาเคยรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า แต่ระยะหลังนายหว่องไม่กล้าเข้าบ้านเพราะเกิดความเกรงกลัวพ่อ จึงอาศัยนอนอยู่ตามศาลาวัด จนขาดการกินยาต่อเนื่อง จึงเกิดสภาวะขาดยาคลุ้มคลั่งปีนขึ้นไปนอนบนหลังคา
ติดตาม รายการ "ข่าวเย็นประเด็นร้อน" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35