กลายเป็นดรามาร้อนแรงของวงการสีกากีขึ้นมาทันทีกับกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กระทำการวิสามัญหนุ่มวัย 33 ปี จนเสียชีวิตหน้าโรงพัก
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายๆวานนี้ โดยหนุ่มวัย 33 ปี ผู้ก่อเหตุ ขับรถยนต์นิสสัน สีขาว เข้ามาจอดที่ลานเสาธงด้านหน้า สภ.น้ำยืน ก่อนลงจากรถ และจุดประทัดยักษ์ปาเข้าไปในโรงพัก 4 ลูก จนเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ พร้อมร้องตะโกนโวยวายเสียงดัง
จากนั้นตำรวจที่อยู่ใกล้เคียงได้เข้าไปพยายามเจรจา เพื่อให้สงบสติอารมณ์ แต่ไม่เป็นผล จากนั้นผู้ก่อเหตุได้เข้าไปหยิบไม้เบสบอลที่เป็นเหล็กอยู่ซ่อนไว้อยู่ในรถออกมาไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนต้องวิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง
แต่เหตุการณ์ยังไม่จบแค่นั้น เพราะผู้ก่อเหตุได้ทำการทุบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่บริเวณนั้น จนพังเสียหายอีก 4 คัน โดยเป็นรถจักรยานยนต์ 1 คัน รถยนต์ 1 คัน และรถยนต์ตราโล่ห์ของตำรวจอีก 2 คัน
เจ้าหน้าที่ยังพยายามที่จะเข้าไปควบคุมตัวและระงับเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุกลับจะทำร้ายตำรวจอีก แถมยังวิ่งไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขึ้นไปทุบกระจกประตูทางเข้าโรงพักจนพังเสียหาย
ด้าน พ.ต.ท.วุฒิกร ยืนสุข รอง ผกก.ป้องกันปราบปราม ได้พยายามเข้าเจรจาให้ผู้ก่อเหตุสงบสติอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ผู้ก่อเหตุจึงถือไม้เบสบอลวิ่งเข้าหา พ.ต.ท.วุฒิกร จนเสียหลักล้ม จนต้องชักปืนคู่กายยิงไปที่ต้นขาผู้ก่อเหตุ 1 นัด
แต่ผู้ก่อเหตุยังไม่ยอมหยุด และพยายามใช้ท่อนเหล็กเข้าไปหวังจะทำร้ายอีกครั้ง แต่คราวนี้ได้ถูก ด.ต.สุทัศน์ ศิลาชัย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานธุรการ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. ยิงไปที่ต้นขาผู้ก่อเหตุอีก 1 นัด แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังไม่ยอมหยุด จนเกิดการปลุกปล้ำกันขึ้น และเกิดเสียงปืนดังขึ้นตามมาอีก 1 นัด โดยครั้งนี้กระสุนปืนเข้าที่ท้องผู้ก่อเหตุจนฟุบลงหมดสติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปปฐมพยาบาล แล้วรีบนำตัวผู้ก่อเหตุไปส่งที่โรงพยาบาลน้ำยืน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตนได้กำชับการทำสำนวนให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะนอกจากผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิตแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บอีก 2 นาย ซึ่งกำลังไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนศพของผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำส่งชันสูตร ที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อย่างละเอียดอีกครั้งต่อไป
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของทางครอบครัวผู้ก่อเหตุนั้น ทีมข่าวได้ติดตามไปเกาะติดด้วย โดยทางครอบครัวได้เดินทางไปรับร่างของหนุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า เราไปดูภาพบรรยากาศนี้กันครับ
ทีมข่าวยังได้พบกับครอบครัวของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเดินทางไปที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี และได้พูดคุยกับคุณพ่อผู้ก่อเหตุ ซึ่งเปิดเผยว่า ตนอยากได้รับความเป็นธรรมที่ต้องสูญเสียลูกชายไป ยังไงก็จะขอสู้คดีให้ถึงที่สุด เพราะมองว่า ตำรวจทำเกิดกว่าเหตุ และตนก็ติดใจว่า ลูกชายไม่มีอาวุธปืนแต่อย่างใด มีแต่ไม้เบสบอลที่เป็นท่อนเหล็ก แต่ทำไมตำรวจต้องใช้ปืนยิงดด้วย อยากให้ตำรวจมาดูแลรับผิดชอบด้วย
ลูกชายของตนเคยรักษาอาการทางประสาทอยู่ ซึ่งทางโรงพยาบาลที่ไปรักษาก็บอกว่าหายขาดแล้ว จนได้ไปทำงานที่จังหวัดระยอง ส่วนสาเหตุที่ลูกก่อเหตุนั้นตนเองไม่รู้เรื่อง แต่ก่อนหน้านี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนที่ลูกเพิ่งเริ่มป่วย ลูกเคยไปลักรถจักรยานยนต์ของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ แต่เจ้าของร้านได้แจ้งตำรวจมาจับและโดนตำรวจซ้อม จึงอาจเป็นเรื่องฝังใจ
ด้านน้องสาวผู้ก่อเหตุ เล่าว่า พี่ชายเป็นคนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ชอบอยู่ตนเดียว วันที่กลับมาบ้านก็ไม่มีใครรู้ ซึ่งเราก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้พ่อแม่ ที่บ้านก็เป็นเสาหลักของที่บ้าน ซึ่งพ่อกับแม่ก็ไม่รู้ว่ามีอาการกำเริบหรือไม่เปล่า ซึ่งตนยังคาใจและอยากจะดูกล้องวงจรปิดของ สภ.น้ำยืน ตอนเกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่กลับแจ้งว่า กล้องวงจรปิดเสีย ซึ่งก็งงว่า ทำไมถึงมาพังตอนนี้
ทีมข่าวของเรายังได้รับรายงานอีกว่า ช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 15.00 น. ซึ่งยังเป็นเวลาราชการ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายๆนายได้ออกไปแข่งฟุตบอลที่สนามบอลในตัวเมืองของจังหวัดห่างออกไปเกือบ 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นกีฬาภายในของหน่วยงาน จึงทำให้มีเจ้าหน้าที่ประจำการที่โรงพักไม่ถึง 10 นาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหน้างานด้านธุรการและสอบสวน อาจทำให้ไม่สามารถควบคุมเหตุเผชิญหน้าในลักษณะแบบนี้ได้ผลเท่าที่ควร ประกอบกับโรงพักตามต่างจังหวัดปกติก็ไม่ค่อยจะมีเจ้าหน้าที่อยู่โรงพักอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังรายงานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นใช้เวลาประมาณ 3 นาทีเท่านั้น และเหตุการณ์ได้จบลง จึงเป็นข้อสงสัยที่ทางครอบครัวติดใจในเรื่องนี้ ประกอบกับเจ้าหน้าที่อ้างว่า กล้องวงจรปิดที่โรงพักเสียอีกด้วย และยังมีรายงานเพิ่มอีกว่า ไม่มีการอนุญาตให้บุคคลที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลกับนักข่าวหรือให้ภาพวงจรปิดหรือข้อมูลอื่น ๆ ด้วย
ติดตาม รายการ "ข่าวเย็นประเด็นร้อน" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35