เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว โวยผ่านสื่อ หลังชาย 6 นาย อ้างเป็น "ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง" บุกจับคนงานต่างด้าวในร้าน เรียกเงินหัวละ 4 พัน แต่บ่ายเบี่ยง ไม่ยอมโชว์บัตรแสดงตน ล่าสุดแจ้งความเอาผิดทั้ง 6 นายแล้ว
วันที่ 6 ก.ย. 65 กัญญาพัชร์ ขจรวงศ์วาณิช (เตย) เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ ข่าวเย็นประเด็นร้อน ในช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ ตนไม่ได้อยู่ที่ร้าน เด็กที่ร้านโทรมาบอกว่ามีผู้ชาย 6 คนเข้ามาที่ร้าน อ้างว่าเป็นตำรวจ ขอมาตรวจบัตรพนักงานต่างชาติในร้าน ซึ่งพอตนดูกล้องผ่านมือถือก็เห็นว่าไม่ได้ใส่เครื่องแบบ และทรงไม่เหมือนตำรวจ เลยบอกให้เด็กอย่าเพิ่งทำอะไรทั้ง ให้รอตนออกไป พอตนไปถึงเขาก็อ้างว่ามาจากหน่วยงาน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ตนจึงขอดูบัตรของเจ้าหน้าที่ แต่เขากลับบ่ายเบี่ยงไม่ให้ดู และบอดว่า "จะดูทำไม ผมเป็นเจ้าหน้าที่"
ส่วนเรื่องเด็กในร้านที่เป็นพนักงานต่างชาติ มีบัตรครบทุกอย่าง ไม่ได้หมดอายุด้วย ทั้งบัตรทำงาน และพาสปอร์ต แค่ไม่ได้พกตอนที่ทำงานอยู่ ตนก็ให้เด็กกลับไปเอามาให้เขาตรวจ ตอนแรกเขาเล่นประเด็นที่ว่า ตนย้ายมาเป็นนายจ้างเขาถูกต้องหรือยัง แต่ตนก็บอกว่าตนย้ายมาเป็นปีแล้ว ประเด็นนี้เลยไม่มีอะไร จากนั้นเขาก็ปรึกษากัน ก็กลายมาเป็นเรื่องที่พักของลูกจ้าง เพราะในเอกสารมันระบุว่าที่พักอยู่ที่บางบอน แต่ทำไมมาอยู่ดอนเมือง ส่วนลูกจ้างเราเขาก็ไม่รู้ เพราะจ้างเอเจนซี่ทำเอกสารให้ อย่างไรก็ตามเคยมี ตม. เข้ามาเมื่อปีที่แล้ว ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร และตอนนั้นเขาใส่ชุดเครื่องแบบมาเต็มถูกต้องด้วย
ด้าน ชาน ตุน ลูกจ้างในร้าน เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ อยู่ดี ๆ เขาก็เข้ามาขอตรวจบัตรพนักงานเลย ไม่ได้แจ้งมาก่อนหรือแสดงตัว แนะนำตัวอะไรเลย ตอนเข้ามาตนยังคิดว่าเป็นลูกค้าด้วยซ้ำ
นอกจากนี้เขายังข่มขู่ตนว่า ถ้าไม่ขึ้นรถไปกับเขา เขาจะจับ และส่งกลับประเทศ แต่ตนก็ไม่ยอมให้เขาพาไป เขาก็เอาสายเคเบิ้ลไทร์มารัดข้อมือของตนเอาไว้เลย สุดท้ายก็โดนดึงขึ้นรถตู้ไป 3 คน
คุณเตย เล่าต่อว่า ช่วงที่ลูกน้องกำลังจะโดนรัดข้อมือ ตนก็เข้าไปขัดขวาง เขาก็มากล่าวหาว่าตนไปต่อสู้ขัดขวางเขา จะแจ้งความดำเนินคดีกับตนอีก ทั้งที่ตนเป็นผู้หญิงตัวเล็กคนเดียว จะไปสู้เขาทั้ง 6 คนได้ยังไง แค่มากันไม่ให้เขาจับลูกน้อง เพราะเขายังไม่แสดงตนว่าเป็นตำรวจเลย กลัวเขาจะเอาไปทำอะไรมิดีมิร้าย สุดท้ายตนก็สู้แรงเขาไม่ไหว เขาก็ดึงลูกจ้างตนขึ้นรถตู้ไป ตนจึงไปยืนขวางหน้ารถตู้
"ตนยืนขวางหน้ารถตู้ไม่กลัวหรอก เอาลูกน้องหนูไป หนูรักลูกน้องหนู เหมือนคนในครอบครัว" คุณเตย กล่าว
สุดท้ายตนก็ต้องจ่ายเงินเขาไป แต่ตอนแรกก็คิดว่าจะยังไม่จ่ายกะให้เรื่องไปถึงศาล เพราะที่ศาลก็คงคุยกันได้ จะได้ไม่โดนรีดไถ แต่มันจะติดวันเสาร์เด็กจะต้องถูกฝากขังหลายวัน แล้วเด็กตอนนั้นก็โทรมก็เหนื่อยกันแล้ว เลยจ่ายเขาไปที่ สน.ดอนเมือง คนละ 4 พันบาท 3 คน แต่ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ร้านเขาเรียกคนละ 5 พัน แต่บอกว่าลดให้เหลือคนละ 4 พัน แล้วจบไม่ต้องไปที่ไหนเลย ซึ่งตนก็สงสัยว่ามันถูกต้องหรือเปล่าที่ปรับเท่านี้ หลังจากนั้น ทางตำรวจก็เข้ามาข่มขู่ว่า ให้ลบคลิปไลฟ์สดระหว่างเกิดเหตุออก ถ้าไม่ลบจะดำเนินความให้ถึงที่สุด ตนก็บอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ลบ หนูรอหมายศาลที่บ้าน ต่อมาวันที่ตนเข้าไปแจ้งความ มีตำรวจบอกตนว่าให้รอก่อน มีคนอยากคุยด้วย ก็เป็นผู้บังคับบัญชาของ 6 คนนั้น เข้ามาขอโทษ ขอให้ตนไม่แจ้งความ
ขณะที่ สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า ตามปกติเจ้าหน้าที่จะเข้ามาตรวจ ต้องแสดงตัว แนะนำชื่อ-นามสกุล สังกัดหน่วยงานไหน
เรื่องที่ตำรวจกล่าวหาว่าเจ้าของร้านไปต่อสู้ขัดขวาง ตนมองว่าไม่ใช่ เนื่องจากเขาไม่ได้แสดงตนว่าเป็นตำรวจเลย สมัยนี้ตำรวจปลอมเยอะแยะ ควรสั่งพักงาน ปล่อยไว้แบบนี้มีแต่อับอาย
ด้าน พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. เผยว่า ประเด็นที่เจ้าหน้าที่ทำไมถึงไม่แสดงตน ตามข้อเท็จจริงแล้ว เจ้าหน้าที่ได้มีการแสดงตนกับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่เข้าใจว่าเป็นเจ้าของร้าน ก่อนที่น้องเจ้าของร้านจะมาถึงร้าน ซึ่งตัวผู้ชายคนดังกล่าวเขาก็พาเข้ามานั่งคุยกันในร้าน ส่วนตัวเจ้าหน้าเองก็ห้อยบัตรอยู่ และรถที่ใช้ก็เป็นรถของข้าราชการด้วย
ส่วนเรื่องค่าปรับ ด้วยที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 37 จะมีอัตราโทษให้ปรับไม่เกิน 5 พันบาท แต่พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง มาตรา 84 ให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่ในความผิดบางประเภท ให้เปรียบเทียบปรับได้ ดังนั้นจะสามารถเปรียบเทียบปรับได้ ณ ที่เกิดเหตุได้ ขณะที่เรื่องเคเบิ้ลไทร์ ยืนยันว่า ณ ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินการใส่
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35