หลายคนสงสัย จำนองกับจำนำ ต่างกันอย่างไร บ้านติดจำนองคนอื่นอยู่ อยากย้ายมาติดจำนองกับธนาคารสามารถทำเรื่องรีไฟแนนซ์ได้เลย
ทำความเข้าใจก่อนว่าการจำนอง คือ การกู้ยืมเงิน โดยการเอาหลักทรัพย์ ไปเป็นตัวค้ำประกัน ประเภท อสังหาริมทรัพย์ ที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ อย่างเช่น บ้าน ที่ดิน การทำเรื่องติดต่อธนาคาร ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อขอซื้อบ้านก็เหมือนขอยืมเงินนธนาคาร
เงินที่ได้ไป เอาไปส่งมอบให้กับเจ้าของบ้านที่เราต้องการจะซื้อจากเขา พอซื้อมาแล้ว ก็มีหน้าที่ผ่อนเงินกับธนาคารต่อ ธนาคารเลยยึดตัวนี้ไว้เป็นหลักประกัน เอามาเป็นของจำนอง ต้องจ่ายให้ธนาคารจนกว่าจะครบสัญญา ถึงจะโอนบ้านจำนองคืนมาให้เรา
ค่าจดจำนอง กรณีกู้ซื้อบ้านแล้วอ่านสัญญา จะมีเงื่อนไขหลายข้อ เช่น การไถ่ถอนจำนอง ซึ่งจำนองจะต่างกับจำนำ จำนำเป็นสินทรัพย์ที่ตัวหลักประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์เคลื่อนที่ได้ เช่น ทอง
การจะย้ายบ้านติดจำนอง ย้ายเข้ามาในธนาคาร หลักการจะคล้ายกับรีไฟแนนซ์ กู้สินเชื่อบ้านกับธนาคาร A จากนั้นดอกเบี้ยที่เนี่ยไม่ค่อยดี อยากจะย้ายไปธนาคาร B เลยขอติดต่อขอสินเชื่อเพื่อที่จะรีไฟแนนซ์ขอสินเชื่อของที่ใหม่ เอาไปปิดหนี้ที่เก่า นั่นก็คือการย้ายจำนอง หลักการเหมือนกับการเดินไปขอสินเชื่อ
คำแนะนำ สามารถทำได้ง่าย ๆ เลย คือ การเข้าไปพูดคุยกับธนาคาร ในเรื่องตัวบ้านที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถเอาไปบอกได้เลยว่าบ้านราคาเท่าไหร่ ค้างหนี้เท่าไหร่ แล้วก็จะไปสู่การตรวจเรื่องของรายได้ ตรวจเรื่องของประวัติการใช้จ่าย
ในส่วนของการจำนอง ถ้าจะมายึดเลย ไม่สามารถทำได้ ต้องฟ้องเท่านั้น แล้วเอาบ้านไปขายทอดตลาด และได้เงินแค่จำนวนที่ยืมไป ส่วนเกินต้องคืน เพราะฉะนั้นการจำนองกับสถาบันการเงิน จะมีประโยชน์มากกว่า และปลอดภัยกว่า การจองนองบ้านกับบุคคล
ประกัน เป็นการควบคุมความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และแน่นอน ประกันรถยนต์ หลาย ๆ คนที่มีรถก็มักจะทำประกันรถยนต์กันอยู่แล้ว เผย “3 วิธีการเลือก ประกันรถยนต์ ยังไงให้คุ้มค่า”
ข้อแรก คือการประเมินความเสี่ยง เราต้องดูก่อนว่าเราใช้รถเยอะมากแค่ไหน ถ้าใช้รถเป็นประจำ ก็ควรที่จะมีประกันรถยนต์ติดไว้นะ เราควรเช็คด้วยว่า หากเกิดอุบัติเหตุเรามีเงินสำรองพอที่จะมาจัดการกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหรือไม่
ข้อที่สอง เราต้องเลือกซื้อประกันกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ
ข้อนี้สำคัญมาก ควรเลือกซื้อกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่เพียงเลือกแค่ว่าเบี้ยประกันถูกอย่างเดียว เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุจริง ๆ เราก็อุ่นใจได้ว่าทางบริษัทจะรับผิดชอบ ไม่บ่ายเบี่ยง
ข้อที่สาม เราต้องเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมกับเรา ถ้าให้ดีที่สุดก็จะเป็นประกันชั้้น 1 จะครอบคลุมทั้งรถเราและคู่กรณี หรือถ้าต้องการจำกัดงบประมาณให้น้อยลง ก็สามารถเลือกเป็นประกัน ชั้น 2 หรือชั้น 3 ที่จ่ายเบี้ยประกันน้อยลงก็ได้ แต่การคุ้มครองก็จะลดหลั่นกันไปตามแต่ที่เราเลือก อันนี้ก็ต้องดูกันดี ๆ
การที่เรามีประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับเรา นอกจากจะช่วยให้เราอุ่นใจแล้ว ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเราก็จะไม่ต้องเสียเงินก้อนในการจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ เพราะทางประกันเขาจะจัดการให้ตามเงื่อนไขการคุ้มครองของกรมธรรม์
ติดตาม รายการ “เงินทองของจริง” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.05-9.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35