นายแก้ว พาพ่อแม่ น้องจีฮุน ยื่นคำร้องถึงกระทรวงยุติธรรมให้ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของน้องจีฮุน หลังมีข้อสงสัยหลายประการ
จากกรณีเมื่อ น้องจีฮุน เด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.2 วัย 7 ขวบ ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี เสียชีวิตในสภาพนอนคว่ำหน้า ตัวซีดและเลือดออกปากในรถตู้รับส่งของโรงเรียน โดยในรถมีกระเป๋าเป้สะพานสีดำและแก้วน้ำดื่มวางอยู่ ซึ่งพ่อและแม่ของเด็กหวั่นจะเป็นการอำพรางศพ
เมื่อช่วงเช้า น.ส.เมทิกา โกศลปลั่งศรี และนายไทยอนันต์ ทองอยู่ พ่อแม่ของน้องจีฮุน ผู้เสียชีวิต พร้อมนายมนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือทนายแก้ว ได้เดินทางมากระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นคำร้องถึงกระทรวงยุติธรรม ให้ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของน้องจีฮุน หลังมีข้อสงสัยหลายประการ โดยมีว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เป็นผู้รับเรื่อง
ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต เปิดเผยว่า เบื้องต้นกระทรวงยุติธรรมได้รับคำร้องของครอบครัวผู้เสียหายไว้ โดยสถาบันนิติวิทยาศาตร์ จะตรวจสอบประเด็นการเสียชีวิตว่าเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ หรือเกิดจากการขาดอากาศหายใจเป็นระยะเวลานาน พร้อมตรวจสอบสภาพรถตู้ที่เกิดเหตุเพื่อหาลายนิ้วมือแฝง รวมถึงจะตรวจสอบการผ่าพิสูจน์ศพโดยตำรวจว่าถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งครอบครัวผู้เสียชีวิตเห็นดีกับมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ หากครอบครัวยังมีข้อสงสัยใด กระทรวงยุติธรรมก็จะยื่นคำร้องให้ผ่าพิสูจน์ซ้ำได้ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในระยะเวลาการทำงานของ รพ.ตำรวจ
ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวอีกว่า กรณีนี้เจ้าของโรงเรียนก็ต้องรับผิดชอบในการเสียชีวิต เพราะถือเป็นความผิดของลูกจ้าง ทั้งนี้ เราจะจัดหาทนายความกองทุนยุติธรรมให้ความช่วยเหลือ และเยียวยาเงินไม่เกิน 110,000 บาท ประกอบกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมส่งเรื่องไปยังยุติธรรมจังหวัดต่อไป
น.ส.เมทิกา (แม่น้องจีฮุน)กล่าวว่า ได้มาขอยื่นคำร้องให้มีการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อให้คลายข้อสงสัย หลังโรงเรียนยังไม่แจ้งผลการตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ อีกทั้งพบว่าสภาพเสื้อผ้าและท่าทางของลูกเรียบร้อยมาก ไม่มีคราบน้ำตา น้ำลายหรือปัสสาวะ ขณะที่โรงพยาบาลตำรวจได้แจ้งผลชันสูตรว่า ลูกเสียชีวิตจากอาการฮีทสโตรก จนระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว ซึ่งเกิดจากการอยู่ในที่ร้อนเป็นเวลานานจนหมดสติไป อย่างไรก็ตาม มองว่า ไม่ว่าลูกจะอ่อนเพลียแค่ไหนก็น่าจะเปิดประตูหรือกระจกรถได้ อีกทั้งน้องยังร่าเริงแจ่มใสไม่มีโรคประจำตัว
น.ส.เมทิกา กล่าวอีกว่า แพทย์แจ้งสภาพศพว่ามีรอยฟกช้ำบริเวณต้นแขนซ้าย และจุดเขียวที่ขา รวมถึงรอยถลอกที่แขน ซึ่งตอนเช้าตนอาบน้ำให้ลูกก็ยังไม่พบ ถือเป็นรอยใหม่ จึงเป็นข้อสงสัยอีกประเด็น โดยครอบครัวยังคงจะเก็บร่างไว้ก่อน ขณะเดียวกัน ครอบครัวก็เพิ่งเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดจากการนำเสนอผ่านสื่อเท่านั้น ยังไม่ได้รับการประสานจากโรงเรียนมา
นายมนต์ชัย (ทนายแก้ว) กล่าวว่า ครอบครัวเกิดข้อสงสัยในหลายประเด็น คือเด็กน่าจะดิ้นรนเอาชีวิตรอดในรถที่ร้อนระอุ เพราะเสื้อผ้าของน้องไม่หลุดรุ่ย รวมถึงยังไม่พบมีคราบใดบนกระจกและตามตัวรถ ทั้ง ๆ ที่เด็กยังเป็นวัยที่ซุกซน รวมถึงกล้องหน้ารถจะบันทึกเหตุการณ์ได้ แต่โรงเรียนและตำรวจยังไม่ได้ให้ข้อมูลส่วนนี้มา นอกจากนี้ เวลาที่ใช้ในการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนเป็นระยะเพียง 15 นาที น้องจึงไม่น่าจะหลับลึกขนาดที่คนขึ้นลงรถก็ไม่ทราบ ยืนยันว่าน้องสามารถเปิดกระจกรถและเปิดประตูได้ แต่ไม่ทราบว่าสามารถเปิดประตูและกระจกรถของโรงเรียนได้หรือไม่
ทางด้านพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้สอบปากคำพยานและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว จากผลการตรวจชันสูตรศพเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากภาวะอุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน (เด็กที่ติดในรถจะเสียชีวิตจากกรณีนี้เป็นส่วนใหญ่)
พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา คนขับรถตู้ และครูเวรประจำรถรับส่งนักเรียน ในข้อหา “กระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค ตั้งแต่ปี 2557 - 2563 มีเหตุการณ์ที่เด็กถูกลืมทิ้งไว้ในรถโรงเรียนตามลำพังมากถึง 129 ครั้ง ในจำนวนนี้ มีเด็กเสียชีวิตจำนวน 6 ราย จากนี้ไปคงต้องมาทบทวนมาตรการความปลอดภัยกันแบบบูรณาการกันอีกครั้ง ทั้งภาครัฐและภาคประชาชน หมายถึงกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครอง เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
ติดตาม รายการ "ข่าวเย็นประเด็นร้อน" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35