ปัจจุบัน Wi-Fi มีอยู่หลายเวอร์ชันตั้งแต่ Wi-Fi 5, Wi-Fi 6 และ Wi-Fi 6E แน่นอนว่าเวอร์ชันที่ใหม่กว่า ย่อมต้องดีกว่าอยู่แล้ว แต่สงสัยไหมว่าที่ดีกว่า มันดีกว่าตรงไหน เลือกใช้แบบไหนถึงจะเหมาะสมที่สุด ?
ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจก่อนว่า “มาตรฐาน Wi-Fi” อยู่ภายในการดูแลของ Wi-Fi Alliance (ไวไฟ อัลไลแอนซ์) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เกิดจากการรวมตัวของหลาย ๆ บริษัทเพื่อกำกับดูแลทุกเรื่องเกี่ยวกับ Wi-Fi ตั้งแต่การรับรองการใช้งานของอุปกรณ์ รวมถึงการออกมาตรฐานใหม่ ๆ อย่างล่าสุดเป็น Wi-Fi 6E
ทีนี้หากดูความแตกต่างระหว่าง 3 เวอร์ชันแบบเบื้องต้นกัน เริ่มที่ความต่างของปีที่นำมาใช้ Wi-Fi 5 จะเป็นมาตรฐานเก่าที่ยังคงมีใช้อยู่ในปัจจุบัน มาตรฐานนี้เริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ปี 2014 ส่วน Wi-Fi 6 ก็จะใหม่ขึ้นมาหน่อยเป็นปี 2019 และมาตรฐานล่าสุดก็คือ Wi-Fi 6E ที่เป็นปี 2020 หรือเมื่อสองปีที่ผ่านมา
ความต่างต่อมาคือคลื่นความถี่ที่รองรับ มาตรฐาน Wi-Fi 5 และ Wi-Fi 6 จะรองรับสองคลื่นคือ 2.4GHz (กิ๊กกะเฮิรตซ์) และ 5GHz เหมือนกันเลย แต่ใน Wi-Fi 6E จะมีความพิเศษกว่าตรงที่ มาตรฐานนี้รองรับคลื่นความถี่เปิดใหม่อย่าง 6GHz ซึ่งมีข้อดีคือประสิทธิภาพดีขึ้น มีการตอบสนองที่รวดเร็ว เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้มากขึ้น และมีช่องสัญญาณรับส่งข้อมูลที่กว้าง แต่ระยะการส่งจะสั้นลง ตอนนี้หลายประเทศเปิดคลื่น 6GHz ให้ใช้แล้ว เช่น อเมริกา, ออสเตรเลีย, มาเลเซีย เป็นต้น ส่วนในไทยตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกสทช. อยู่ คาดว่าอาจจะได้ใช้ช่วงราว ๆ สิ้นปี 2022
ในด้านความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล Wi-Fi 5 จะมีความเร็วตั้งแต่ 433 Mbit/s (เมกะบิตต่อวินาที) ไปถึงสูงสุดที่ 6,933 Mbit/s ส่วน Wi-Fi 6 และ 6E จะมีความเร็วตั้งแต่ 600 Mbit/s ถึง 9,608 Mbit/s (เมกะบิตต่อวินาที) ซึ่งสูงกว่า Wi-Fi 5 มาก
ตัวเลขนี้คือตัวเลขสูงสุดตามสเปกที่ทำได้ แต่เวลาเราใช้ Wi-FI ในชีวิตประจำวันจริง ๆ ส่วนใหญ่จะได้ความเร็วไม่เกิน 1,000 Mbit/s (เมกะบิตต่อวินาที)
หากอยากรู้ว่า Wi-Fi ที่ใช้อยู่เร็วแค่ไหน มีวิธีทดสอบเบื้องต้นมาให้ลองกัน อย่างแรกให้เข้าไปที่เว็บไซต์ Google แล้วเซิร์ซคำว่า Speedtest จากนั้นเลือกเว็บไซต์ที่เขียนว่า ADSL แล้วกดปุ่ม Start Test เพื่อทดสอบ ระบบก็จะวัดมาให้เป็นตัวเลข ให้เราดูที่ค่า Download ว่าได้เท่าไร แต่ส่วนใหญ่จะน้อยกว่าความเร็วโปรโมชันเน็ตบ้านที่สมัครไว้ เช่นถ้าสมัครไว้ 1,000Mbit/s (เมกะบิตต่อวินาที) เวลาทดสอบอาจจะอยู่ที่ราว ๆ 30-800 Mbits/
สาเหตุที่ได้ไม่เท่านั้นก็เพราะมีหลายปัจจัย อย่างแรกคือระยะห่างระหว่างเรากับตัวปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ยิ่งห่างความเร็วยิ่งลดลง และอย่างที่สองคือสิ่งกีดขวางยิ่งมีกำแพงขวางกั้นเท่าไร ความเร็วก็ยิ่งตกลงเท่านั้น เพราะสัญญาณ Wi-Fi วิ่งผ่านกำแพงได้ไม่ดีนัก แนะนำว่าก่อนกดทดสอบ ดูขีด Wi-Fi บนมือถือก่อนว่าเต็มไหม ถ้าขึ้น 1-2 ขีดแปลว่าเราอยู่ไกลให้เดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วกดทดสอบอีกรอบ อันนี้ก็จะได้ความเร็วสูงขึ้น
นอกจากนี้มาตรฐาน Wi-Fi ของฝั่งส่งและรับต้องเป็นเวอร์ชันเดียวกัน ถ้าฝั่งไหนต่ำกว่าอีกฝั่งก็จะใช้ตัวที่ต่ำที่สุด เช่น ถ้าตัวส่งสัญญาณเป็น Wi-Fi 6 ตัวรับก็ต้องเป็น 6 เหมือนกันถึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด แต่ถ้าตัวส่งเป็น Wi-Fi 5 แต่มือถือที่ใช้รับเป็น Wi-Fi 6 อันนี้มือถือก็จะเปลี่ยนมาใช้เป็น Wi-Fi 5 แทนทำให้ความเร็วอาจจะลดลงนั่นเอง
สุดท้ายหลายคนอาจจะสงสัยว่า ตอนนี้ Wi-Fi 6E เพิ่งจะได้เริ่มใช้กันแล้ว Wi-Fi 7 จะมาเมื่อไร เรื่องนี้ต้องบอกว่ายังไม่มีความชัดเจนสักเท่าไร แต่มีข่าวคร่าว ๆ ว่าในปี 2024 หรือ 2025 ค่ายผู้ผลิตซีพียู Intel คาดว่าจะสามารถเปิดตัวโน้ตบุ๊กที่มาพร้อม Wi-Fi 7 ได้ โดยจะมีความเร็วเป็น 2.4 เท่า ของ Wi-Fi 6E และใช้คลื่นความถี่ 6GHz แต่นี่คือข่าวที่ยังไม่มีการยืนยันจาก Wi-Fi Alliance ส่วนในปี 2024 Wi-Fi 7 จะมาจริงหรือไม่คงต้องรอติดตามข่าวกันอีกที
ติดตาม รายการ “แบไต๋ 7HD ไอทีและยานยนต์” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20-12.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35