จากเหตุการณ์อุกอาจ สองสามี-ภรรยา ถูกเจ้าของร้านทำผม แทงดับสลดคาห้างดัง ครอบครัวลั่น ไม่รับคำขอขมา หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว
วันที่ 25 ส.ค. 65 ปิงปอง ลูกสาวผู้เสียชีวิต ออกมาเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผ่านรายการ ข่าวเย็นประเด็นร้อน ในช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตอนเช้าของวันที่เกิดเหตุ ก็ยังคุยโทรศัพท์กันอยู่ แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องทำผม คุยกันเรื่องอื่น ผ่านไปสัก 1-2 ชั่วโมง น้องสาวโทรศัพท์มาหาตนบอกว่า ปะป๊ากับแม่จ๋าโดนแทง ซึ่งน้องสาวเพิ่งจะอายุ 8 ขวบ เขาจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วต้องมาเป็นคนบอกข่าวร้ายกับเรา ซึ่งมันโหดร้ายมาก ขณะนั้นตนกำลังจะถึงที่ทำงานแล้ว จึงรีบวนรถกลับจากลาดพร้าว กลับไปปทุมธานี ซึ่งตอนนั้นอาการเขาไม่ดีแล้ว กำลังปั๊มหัวใจอยู่ ตนก็เริ่มรู้สึกใจไม่ดีแล้ว สุดท้ายตนมาทราบข่าวร้ายกลางทางด่วน ว่าพ่อกับแม่เสียแล้ว
สำหรับตัวคุณแม่ ไปทำผมที่ร้านนี้ค่อนข้างบ่อย ด้วยความที่ห้างก็อยู่ใกล้บ้านด้วย เดินทางไม่ถึง 5 นาทีก็ถึง ตอนที่แม่เพิ่งไปตัดผมมา เขาก็โทรมาบอกตนเหมือนกันว่าตัดผมสั้นมา แต่ไม่ได้มีอารมณ์โมโห ฉุนเฉียว หรือโกรธแค้นอะไร เหมือนแซวกันเล่นมากกว่า เพราะปกติแม่จะไม่ตัดผมสั้น ซึ่งเขาก็ไม่ได้บอกว่าจะมีเรื่องอะไรเลย
ทั้งนี้ตนตั้งข้อสงสัยว่าเขามีเจตนาที่จะมาทำร้ายร่างกายตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว เพราะเขาเตรียมตัวพกมีดมา ซึ่งในวันที่เกิดเหตุตนได้ยินมาว่า เขาคุยกันไม่กี่คำก็ลงมือแทงเลย ทุกอย่างเขาคิดมาอยู่แล้ว คนปกติไม่มีใครเขาพกอาวุธติดตัวหรอก และอีกเรื่องคือ ตนได้ยินมาว่า ผู้ก่อเหตุจอดมอเตอร์ไซค์ไว้หน้าห้าง โดยบอกกับ รปภ. ว่าขอจอดทิ้งไว้ก่อนเข้าไปเอาของไม่นานเดี๋ยวก็ออกมา ซึ่งเขาไปโดยเสียบกุญแจทิ้งไว้ เหมือนเขาเตรียมตัวไว้แล้วว่าจะหนี นอกจากคลิปหลักฐานจากกล้องวงจรปิด น้องสาวเป็นคนบอกว่า ปะป๊าได้ถ่ายคลิปตอนเกิดเหตุไว้ โดยในคลิปมีการพูดคุยกันไม่นานเขาก็ก่อเหตุแทงเลย ซึ่งก็ขู่ด้วยว่าจะเอาตาย
อย่างไรก็ตาม ตนกลัวในเรื่องความยุติธรรมที่จะเกิดกับครอบครัวตนหรือไม่ เพราะเขาได้รับการประกันตัว ทั้งที่เป็นการก่อเหตุที่อุกฉกรรจ์มาก จึงสงสัยว่าทำไมถึงมีการปล่อยตัว ซึ่งตอนประกันตัว ตนก็ไม่ได้มีโอกาสได้เข้าไปคัดค้านการประกันตัว ตำรวจก็ไม่ได้แจ้งอะไร ตนมาทราบตอนที่ออกข่าวแล้วว่าเขาถูกประกันตัว หลังจากประกันตัวแล้วตำรวจก็ยังไม่ได้ติดต่อว่าจะดำเนินคดียังไงต่อ
สำหรับตัวผู้ก่อเหตุยังไม่มีการติดต่อกัน มีเพียงทนายโทรมาถามว่า งานศพตั้งอยู่วัดไหน และได้ส่งพวงหรีดมาให้ และเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 65 ทางญาติผู้ก่อเหตุเข้ามาที่งานศพ นำซองมาให้ร่วมทำบุญ แต่ว่ายังไม่มีการพูดคุยเรื่องเยียวยากัน เห็นเขาบอกว่ารอเสร็จงานศพก่อน
ด้าน ชูชาติ วิมูลรักชาติ พ่อผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนได้รับข่าวจากหลานสาว แต่ตอนนั้นตนไม่ได้รับสาย เพราะติดรับผู้โดยสารอยู่ จนภรรยาตนโทรมาบอกว่าให้รีบไปที่ห้าง เพราะลูกถูกแทง พอตนเข้าไปที่เกิดเหตุ หลานสาวก็บอกว่าเจ้าของร้าน คนตัวสูง ผมหงอกเป็นคนทำ ตนก็พยายามจะเข้าไปพูดกับพนักงานในร้าน ว่าเจ้าของร้านไปไหน ซึ่งเขาได้หนีไปแล้ว
จากล่าสุดที่ผู้ก่อเหตุได้รับการประกันตัวชั่วคราว ตนมีความกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคิดว่าเป็นคดีอุกฉรรจ์ขนาดนี้ไม่น่าได้รับการปล่อยตัว ตนแค้นมาก และไม่ขอคำขมาจากตัวเขาเลย ส่วนเรื่องอโหสิกรรม ถ้ามันเป็นบุญกุศลกับลูกของตนที่เสียไป ตนก็จะอโหสิกรรมให้
ขณะที่ สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า สำหรับเรื่องนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ แทงอย่างอุกอาจต่อหน้าสาธารณะชน มีการเตรียมการไตร่ตรองไว้ก่อน โดยที่เขาเตรียมมีดมา ที่สำคัญคือเขาแทงเล็งเห็นผลเลยว่าเป็นจุดตาย จากที่คนแม่ถูกแทงที่ราวนมซ้าย ตัดขั้วหัวใจ ส่วนคนพ่อ กำลังเข้าไปช่วยถูกแทงเข้าลำคอ เป็นจุดตายทั้งหมด
พนักงานสอบสวน ต้องตั้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยไต่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 โทษสูงสุดคือประหารชีวิตสถานเดียว เขามีพฤติกรรมที่เหี้ยมโหดมากกว่าจะ สั่งฟ้องตามมาตรา 288 และตำรวจต้องเร่งประสานสหวิชาชีพ มาสอบสวนตัวน้องสาวผู้อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะเขาเป็นเด็ก หากผ่านไปนานความทรงจำมันจะไม่เหมือนตอนเกิดเหตุใหม่ ๆ หากสอบทันทีทันใดศาลฯท่านรับฟังแน่นอน และยิ่งเป็นคนเห็นเหตุการณ์ด้วย ถ้าไม่รีบสอบจะมีผลต่อรูปคดีแน่นอน ความน่าเชื่อถือจะน้อยลง
และอยากฝากพนักงานสอบสวนทุกคนว่า ในคดีอุกฉกรรจ์ขนาดนี้ ท่านต้องแจ้งทายาทผู้เสียหายด้วยว่าเขามีสิทธิ์ทำอะไรได้บ้าง อย่างกรณีนี้ เขาไม่ได้รับแจ้งว่าจะประกันตัวผู้ก่อเหตุ จึงไม่ได้ไปดำเนินการคัดค้านการประกันตัว ขณะเดียวกัน ณ ตอนนี้ก็สามารถขอเพิกถอนการประกันตัวได้ ถ้าตัวผู้ต้องหา หรือพรรคพวกของเขา มาข่มขู่ตน ไม่ว่าจะเป็นทาง แชต หรือโทรศัพท์มา เก็บหลักฐานไว้แล้วนำไปร้องต่อศาลฯ ให้ศาลฯไต่สวน ประกอบการเพิกถอน การปล่อยตัวชั่วคราว
ขณะเดียวกัน จากประสบการณ์ที่ตนเคยทำคดีมา ส่วนใหญ่ผู้ต้องหากระทำความผิด ชอบไปกราบขอขมา และเอาเงินไปช่วย ซึ่งเขาจะนำไปแถลงต่อศาลฯ เพื่อให้ศาลฯเมตตาลดโทษให้ แนะนำว่าอย่าไปหวั่นไหว ให้รอเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ แล้วเขียนคำร้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 ขอให้ศาลฯมีคำพิพากษาในส่วนแพ่ง ไปกับคดีอาญาได้เลย ไม่ต้องไปเรียกค่าเสียก่อนถึงศาลฯ
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35