สาวทำงานขนส่ง ตักเตือนมาเฟียขายของในพื้นที่ ไม่ให้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม สุดท้าย ! ถูกมาเฟียรถตู้ทำร้าย
นางสาวเอ (นามสมุมติ) อายุ 48 ปี พนักงานของ บริษัท ขนส่ง จำกัด พร้อมทนายความ เดินทางเข้าให้ปากคำเพื่มเติม กับพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน จากกรณีที่ถูกมาเฟียทำร้ายร่างกาย ที่ท่ารถตู้สถานีขนส่งสายใต้เก่าย่าน ปิ่นเกล้า เมื่อช่วง 15 นาฬิกา ของวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา
นางสาวเอ ระบุว่า ตนเองเป็นพนักงานของ บขส. ซึ่งมีหน้าที่ดูแลสถานที่บริเวณสายใต้เก่า ก่อนหน้านี้ขณะที่ตนเองปฎิบัติหน้าที่อยู่นั้นได้มีรถจักรยานยนต์ขี่เข้ามาในเลนของรถตู้ประจำทางที่คอยรับผู้โดยสารตนเองจึงได้เข้าไปตักเตือนและทำหนังสือรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาเพราะเป็นการผิดระเบียบ และอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
จนกระทั่งช่วงบ่าย 3 โมงของวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา วันเกิดเหตุผู้ชายที่ก่อเหตุวัย 60 ปี ซึ่งเป็นผู้เช่าช่วงพื้นที่บริเวณดังกล่าว พร้อมลูกน้องที่เป็นชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน ได้เข้ามาด่าทอตนเองด้วยคำหยาบคาย เพราะไม่พอใจที่ตนเองทำหนังสือรายงานผู้บังคับบัญชา และตักเตือนเรื่องที่ขี่รถจักรยานยนเข้าในพื้นที่
ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะทำร้ายตนเองด้วยการตบด้วยมือและรองเท้านับ 10 ครั้ง ต่อหน้าประชาชนที่ใช้บริการเป็นจำนวนมาก พร้อมพูดจาข่มขู่ว่าไม่ให้ใครเข้ามาช่วยเหลือระหว่างที่ตนเองถูกทำร้าย จึงไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเหลือตนเองเพราะเกรงกลัวว่าจะได้รับอันตราย เนื่องจากชายที่ทำร้ายตนเองเป็นมาเฟีย และมีอิทธิพลภายในพื้นที่ แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็หวาดกลัวกับชายคนดังกล่าวเช่นกัน
โดยหลังเกิดเหตุตนเองไม่กล้าเข้าไปทำงานเพราะเกรงกลัวว่าจะถูกทำร้าย เนื่องจากผู้ก่อเหตุอ้างว่ารู้จักผู้ใหญ่หลายคน แม้แต่คนในบริษัทขนส่ง และยังมีพฤติกรรมที่น่ากลัว ซึ่งตนเองได้หยุดงานไปแล้ว 10 วัน และอยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ยังไม่ได้รับการดูแลจากต้นสังกัดแต่อย่างใด จึงรู้สึกเสียใจเพราะตนเองตั้งไจทำงานปฎิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างตรงไปตรงมาและเต็มที่ จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเองที่โดนกระทำ
วันนี้ (23 ส.ค. 65) พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางยี่ขัน ได้นัดตนเองมาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม และจะมีการไกลเกลียเรียกร้องค่าเสียหายกับคู่กรณีซึ่งทราบว่าขณะนี้คู่กรณีที่ทำร้ายตนเองได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว
โดยภายหลังการเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนนางสาวเอระบุกับทีมข่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองขอเดินหน้าดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุส่วนเรื่องการเจรจาไก่เกลียขอให้เป็นหน้าที่ของทางทนายความเป็นคนจัดการ พร้อมกันนี้ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ขนาดนี้ต้นสังกัดซึ่งเป็นบริษัทของตนเองไม่มีการติดต่อมาเพื่อดำเนินการช่วยเหลือใด แม้กระทั่งการจัดหาทนายความตนเองก็ดำเนินการหามาด้วยตนเอง ทั้งที่ตนเองก็ปฎิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชามาตลอด ไม่เคยทำผิดข้อบังคับรวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเป็นข้อพิพาทก็มาจากการที่ตนเองทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาแต่พอเกิดเรื่อง กลับไม่มีการช่วยเหลือหรือรับการติดต่อมาจากทางบริษัทแต่อย่างใดรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก
ต่อมานายอุเชน อนิกร หรือลุงหลอ ผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางมาที่ สน. บางยี่ขัน ด้านนายอุเชน ได้เปิดใจกับทีมว่า สาเหตุที่ตนเองต้องลงมือก่อเหตุในครั้งนี้เป็นเพราะ บันดาลโทสะที่ถูกผู้เสียหายขัดขวางในการประกอบอาชีพ เพราะตนเองเป็นผู้เช่าพื้นที่ในสถานีขนส่งในการค้าขายอาหารและเครื่องดื่ม ในบางครั้งต้องมีการนำเครื่องดื่มหลายลังเข้าไปสต๊อกไว้ที่ร้าน แต่กลับถูกกีดกันไม่ให้นำรถเข้าไปจอดเพื่อขนถ่ายสินค้าลง ทั้งที่ตนเองพยายามทำหนังสือขอกำหนดช่วงเวลาหรือกำหนดป้ายทะเบียนรถที่ใช้เข้าออกเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนแต่ก็ ถูกปฏิเสธเรื่อยมา
ซึ่งตนเองประกอบธุรกิจเป็นผู้เช่ากับทางบริษัทขนส่งมาตั้งแต่หลาย 10 ปีก็ไม่เคยมีปัญหาทุกคนในพื้นที่รู้จักตนเองดี รวมถึงตัวผู้เสียหายเองก็รู้จักกับตนเองและไม่เคยมีปัญหากันก่อนหน้านี้ แต่มาล่าสุดช่วงวันเกิดเหตุมีการพยายามกีดกันไม่ให้ตนเองเข้าจึงไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ตนเองขอยืนยันว่าตนเองไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียในพื้นที่แต่เป็นคนที่ทำงานค้าขายในพื้นที่ของขนส่งมานานหลาย 10 ปีทำให้มีหลายคนรู้จักและเกรงใจซึ่งตนเองก็ไม่เคยเบียดเบียนใครมาก่อน
สุดท้ายนี้อยากขอให้ทางขนส่งออกมาช่วยจัดการแก้ปัญหาดังกล่าวเนื่องจากตนเองเค้าเป็นผู้ที่เช่าช่วงอยู่ในขนส่งแต่ไม่รับความอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการขนสินค้าเข้าไปเพื่อเตรียมค้าขายทำให้ลำบากอย่างมากในการเดินทางขนสินค้าเข้าไปค้าขาย
ติดตาม รายการ "ข่าวเย็นประเด็นร้อน" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35