หายนะแชร์ลูกโซ่ Forex-3D

กำลังเป็นที่สนใจของสังคมกับคดี แชร์ลูกโซ่ Forex-3D ล่าสุด "พิ้งค์กี้ สาวิกา" พร้อมแม่ และพี่ชาย ถูกคุมตัวเข้าเรือนจำ จนเกิดคำถามต่าง ๆ ว่าจะมี คนที่มีชื่อเสียงเป็นรายต่อ ๆ ไปหรือไม่ !? 

 

 

             วันที่ 19 ส.ค. 65 เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ ข่าวเย็นประเด็นร้อน ในช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนรู้จัก Forex-3D จากคนที่ขายกระเป๋าแบรนด์เนมให้ตน เขาแนะนำมาว่าเขาก็ลงทุน และได้กำไรกลับมา ตนสนใจจึงลงเงินไปครั้งแรก 50,000 บาท โดยเป็นราคาขั้นต่ำ ซึ่งตนก็ศึกษาจากเงื่อนไขกำไรที่เขาเล่ามา ตนก็คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ตนจะได้เงิน และฝั่งเขาเองก็ได้เช่นกัน จากนั้นในระยะ 3 เดือน ตนได้กำไร 16,000 บาท จึงลงเงินไปอีก 50,000 บาท ยอดทบเป็น 100,000 บาท ซึ่งเว้นระยะไปอีกประมาณ 6 เดือน ตนได้กำไรกลับมาอีก 50,000 บาท ตอนนั้นก็รู้สึกเลยว่าดี   

 

             ช่วงนั้นเริ่มมีข่าวตนก็ยังไม่เอะใจ ในกลุ่มก็แตกเป็น 2 ฝ่าย ทั้งเชื่อ และไม่เชื่อ ฝ่ายที่ไม่เชื่อเพราะเขาเล่น Forex ของจริง เขาคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เงินปันผลเยอะขนาดนี้ ส่วนตนก็ยังเชื่ออยู่ เพราะตนยังไม่ได้เข้าไปเล่น Forex จริง ๆ ตนแค่คนประกอบอาชีพธรรมดา จากนั้นตนก็ได้ลงเงินเพิ่มไปอีก 50,000 รวมยอดเป็น 150,000 แต่คราวนี้หายเงียบไปเลย เราก็พยายามติดต่อทั้งคนที่แนะนำ และต้นขั้ว ก็เงียบ ติดต่อไม่ได้ เว้นระยะเกือบ 6 เดือน จนรู้ตัวแล้วว่าโดนแล้ว       

 

 

             ผลกระทบในครั้งนี้ ทำให้แผนที่ตนวางไว้ ว่าลงทุนเอาไว้ แล้วจะเอาไปใช้หนี้อย่างอื่น รวมทั้งหนี้กยศ.ก็พังหมด ทำให้ตนต้องไปกู้เงินจากที่อื่น เพื่อมาโปะหนี้กยศ. ส่วนเรื่องที่ทำให้ตนเชื่อมั่น จนลงทุนใน Forex-3D มันมาจากการชักชวน และจำนวนเงินปันผล ซึ่งคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ เพราะช่วงแรกก็ได้เหมือนกัน รวมถึงภาพลักษณ์องค์กรเขาดูดี มีการทำบุญ เปิดมูลนิธิต่าง ๆ และมีการอยู่กับดารา จนดูน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากได้มากที่สุด คือเงินที่ลงทุนไป    

 

 

             ด้าน รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เผยว่า ในกรณีของ พิ้งค์กี้ สาวิกา ก็ต้องเหมือนคดีอื่น ๆ ทั่วไป ต้องรอดูศาลชั้นต้นตัดสินก่อน ถ้าผิดก็ต้องอยู่ยาว ถ้าศาลยกฟ้องก็ค่อยประกันตัวออกมา ซึ่งอัยการเป็นคนสั่งฟ้องในความผิดฐานทุจริต หลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงกรณีชักชวนลงทุน Forex-3D จะเห็นได้ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ ดังนั้นก็ต้องรับผิดชอบ หากแค่มาเล่นเฉย ๆ คงไม่มีปัญหา แต่มันมีการชักชวน การันตี ออกทางสื่อ ว่าตัวนี้ไม่มีการโกง สามารถได้เงินจริง แถมเวลา CEO ไปทำบุญ ไปกินข้าวหรู ๆ กันที่ไหน ก็จะมีภาพร่วมกันตลอด 

 

             ส่วนเรื่องที่พิ้งค์กี้บอกว่า เขาก็เป็นผู้เสียหายเช่นกัน วันแรกที่มีการชักชวนให้ดาราออกมาช่วยกัน ถ้าเป็นผู้เสียหาย ประชาชนจะได้ตาสว่าง แต่เขายังมาด่าคนอื่นอยู่เลยว่า มาทำลายความเจริญของบริษัทฯ ขณะที่กรณีที่ว่าจะมีรายชื่อ คนที่มีชื่อเสียงเพิ่มอีกหรือไม่นั้น ถ้าเขายังมีรายได้ส่วนแบ่งที่โฆษณาให้กับ Forex-3D  และส่วนแบ่งจากคนที่เข้ามาสมัคร เขาต้องสมควรโดนดำเนินคดี ขณะเดียวกัน

 

             ตอนแรกที่ตนเข้ามาทำเรื่องนี้ ก็มีแต่คนด่า หาว่าเราไปกลั่นแกล้งเอารูปดาราขึ้น ทุกวันนี้ดาราที่เอารูปขึ้น ก็โดนหมายเรียกกันหมด ก็ต้องมารับผิดชอบ เพราะมีผู้เสียหายที่เขาเป็นแฟนคลับดารา เขาลงทุนกันกันเยอะมากเป็นหลักพันล้าน และยังเคยโดนข่มขู่กันทั้งออฟฟิศ บอกว่าตนไปสร้างความเดือดร้อน เอารูปดาราไปขึ้น เดี๋ยวก็โดนฟ้อง พวกดาราที่โดนอยู่ตอนนี้ก็ตัวดีทั้งนั้น 

 

             ทั้งนี้ ที่ตนมั่นใจมากว่าจะทำเรื่องนี้ ในขณะนั้น เพราะว่า ผู้เสียหายเขาบอกว่า ระบบที่เขาทำออกมาเพื่อเทรดมันไม่สามารถถอนเงินจากระบบไม่ได้ ตนก็เอะใจว่าถ้ามันลงทุน มีกำไรจริง มันต้องถอนได้สิ แค่นั้นไม่พอ ติดต่อ CEO ก็ไม่ได้ คนในกลุ่มก็ถกเถียงกัน กองเชียร์ก็เชียร์จนไม่ลืมหูลืมตา ตนยังเตือน ณ ตอนนั้นว่ามันจะหนีหรือเปล่า ก็ไม่เชื่อกัน สุดท้ายเขาหายไปเป็นเดือน ก็ไม่กลับมาเลย จนกระทั่ง DSI เขาตามไปจับตัวได้ คนถึงมาเริ่มขยับกัน เพราะคิดว่าจะปิดรับบัญชีผู้เสียหาย ส่งอัยการแล้ว จากตอนแรกผู้เสียหายประมาณ 1,000 คน จนขยับไปหลัก 9,000 คน

 

             สำหรับเรื่องนี้ ตนไม่เชื่อว่ามันจะมีธุกิจอะไรจะมาปันผลได้กำไรขนาดนี้ ถ้าคนมันได้ขนาดนั้น จะมาสอนคนอื่นทำไม มันเป็นไปไม่ได้ และเขาฉลาด ไม่ได้ลงทุนในประเทศไทย ไปลงทุนในต่างประเทศ เขารู้ว่ากลไกกฎหมายไทยไปต่างประเทศมันทำอะไรไม่ได้ เขาเลยอ้างว่าเป็นการเทรดเงิน อาจเทรดจริงแค่บางส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด   

 

 

             ร.ต.อ.วิษณุ  ฉิมตระกูล  ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า คดีนี้เราดำเนินการ สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 21 ราย โดยมีหมายจับ 1 ราย ซึ่งเรามีหลักฐานพยานพอฟ้อง ส่วนกรณีของ ดีเจแมน กับ ใบเตยอาร์สยาม ณ ตอนนี้ ยังไม่มีหมายเรียกหรืออะไรทั้งสิ้น ต้องรอพิจารณาตามพยานหลักฐาน แต่พนักงานอัยการ ได้มีหนังสือแนะนำให้เราเพิ่มเติมบุคคลส่งมาให้ ซึ่งถ้าท่านเห็นหลักฐานอะไรเพิ่มเติม เขาก็จะส่งมาให้พนักงานสอบสวน โดยเพิ่มมาแล้ว 16 คน ตนคาดว่า น่าจะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงด้วย กำลังรวบรวมพยานหลักฐานของ 16 ท่านนี้อยู่  

 

             ขณะที่คดีแพ่ง เราได้ดำเนินการร่วมกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) จะมีการยึดทรัพย์ทั้งหมด 3 ครั้ง รวมกันมูลค่า 570.9 ล้าน จะเอามาถัวเฉลี่ยคืนให้กับที่ผู้เสียหาย แต่สิ่งสำคัญที่สุด หลังจากยึดทรัพย์แล้วจะประกาศให้ผู้เสียหายมาคุ้มครองสิทธิ์ที่ ปปง. มีระยะเวลา 1 เดือน ถ้าท่านใดคุ้มครองสิทธิ์ ศาลจะตัดสินให้เฉลี่ยทรัพย์คืนผู้เสียหาย