เรื่องราวสุดช้ำของคุณยายวัย 80 เสียลูกชายจากการแพ้วัคซีน แถมสะใภ้ยังเชิดเงินเยียวยา 4 แสน ซื้อรถใหม่ ซื้อทองใส่ แต่ตนต้องกินไข่ 3 มื้อประทังชีวิต บ้านก็จะถูกยึด สืบทราบ สะใภ้แอบปลอมเอกสาร เข้ารับเงิน
วันที่ 17 ส.ค. 65 อารมณ์ ศรีธัญญา (แอ๊ว) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ ข่าวเย็นประเด็นร้อน ในช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ลูกชายวัคซีนโควิด19 เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 64 หลังจากนั้น 3-4 วัน ก็เกิดอาการหอบเหนื่อย ตนก็บอกให้เขาพัก แต่เขาก็ยังออกไปทำงาน จนล้มลง หมดสติ และเสียชีวิตในวันที่ 31 ธ.ค. 64 หลังจากเกิดเหตุ ในขั้นตอนของการเยียวยา ลูกสะใภ้เป็นคนเดินเรื่องทั้งหมด แต่เขาไม่ได้บอกตนว่าไปทำอะไรบ้าง ให้ตนอยู่แต่บ้าน และยังขอเงินตน 4 พันบาท เพื่อฉีดยากับทำรูปงานศพ พอพิธีงานศพเสร็จ เขาก็หายไปเลย ไม่สามารถติดต่อได้
ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่าลูกชาย คบกับลูกสะใภ้มานานเท่าไหร่ แต่ก่อนเขาพักกันอยู่ที่คอนโดข้างนอก พอคอนโดโดนยึดเขาก็ขอกลับมาอยู่บ้าน ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่อยู่กินฉันท์สามีภรรยา ทางลูกสะใภ้ไม่ได้ทำงาน และเขาไม่ได้ช่วยเหลืออะไรตนเลย ลูกตนเป็นคนทำงานหาเงินเลี้ยงเขา ตอนนี้ตนมีหนี้อยู่ และต้องรับภาระแทนลูกด้วย ตอนนี้ไม่มีอะไรจะกิน ต้องกินไข่ไก่ทุกวัน ขายข้าวของในบ้านหาเงินใช้หนี้ บ้านก็กำลังจะถูกยึด ค้างค่าบ้านอยู่ประมาณ 2 แสน ต้องจ่ายงวดละ 6 พันบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกชายจะเป็นคนจ่าย นอกจากนี้ก็ยังมีหนี้นอกระบบด้วย ตนกู้เพื่อมาใช้หนี้บ้าน กับใช้กินข้าวประทังชีวิต ทั้งนี้ตนได้ข้อมูลมาว่าเขาใช้ชีวิตอู้ฟู่ ซื้อรถ ซื้อทองใส่ ซื้อโทรศัพท์ใหม่ หลังจากที่ได้เงินเยียวยาไป
ส่วนเรื่องที่ สปสช. จะเยียวยา ตนไม่รู้เลยว่าเขาจะเยียวยา 4 แสนบาท มารู้ตอนที่จดหมายมาถึงบ้านว่าให้เงินเรียบร้อยแล้ว วันที่ 20 ม.ค. 65 โดยในจดหมายระบุเป็นชื่อของลูกสะใภ้เป็นคนรับเงิน จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนอยากได้เงินคืน 4 แสนบาท เพื่อเอาไปจ่ายหนี้ทั้งหมด
ด้าน ธนิดา แจ้งจำรัส ทนายความ เผยว่า เราจะเน้นตรวจสอบพยานจากเอกสารเป็นหลัก ตอนนี้ได้ทำหนังสือยื่นต่อ สปสช. เพื่อขอให้ตรวจสอบเอกสารที่ลูกสะใภ้ตัวการ ยื่นขอรับเงินเยียวยาจาก สปสช. และอยากทราบว่าทาง สปสช. มีเหตุผลใดที่ปล่อยเงิน 4 แสนบาทให้เขาไป ทั้งที่เขาไม่ใช่ผู้เสียหายเลย ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่ได้มีความสัมพันธ์ อุปการะใด ๆ
คุณยายรับทราบว่ามีเอกสารมาแบบนี้ ก็ต้องอุทรณ์ แต่คุณยายไม่มีสิทธิ์อุทรณ์ เนื่องจากผู้ร้องไม่ใช่คุณยาย เมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมเจ้าหน้าที่จึงไม่แจ้งคุณยาย ว่าคุณยายมีสิทธิ์จะทำอะไรได้บ้าง เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ควรทำอย่างไร แต่กลับให้คุณยายไปเป็นยอดนักสู้ ไปตามหน่วยงานต่าง ๆ ศูนย์ดำรงธรรม แจ้งพนักงานสอบสวน คุณยายไปมาหมด รวมทั้ง สปสช. ก็เดินทางไปแล้ว 5 ครั้ง
ขณะเดียวกัน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เผยว่า เงินเยียวยา โควิด19 เบื้องต้นเราให้กับคนไทยทุกคน ที่ได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีน ส่วนผู้ที่มีสิทธิ์ในการยื่นคำร้องนั้น 1.ตัวผู้รับบริการ 2.ทายาท คู่สมรส มารดา บิดา บุตร แต่คู่สมรสต้องจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้อง 3.ผู้อุปการะ คือ ผู้ที่ดูแลอยู่กินด้วยกัน มีความสัมพันธ์กัน 4.โรงพยาบาล ซึ่งถ้าคนยืนคำร้องไม่เข้าเกณฑ์นี้ก็จะถูกปัดตกตั้งแต่ขั้นตอนแรกเลย จากนั้นคณะกรรมการก็จะพิจารณา ว่าจะเยียวยาหรือไม่ หรือเยียวยาเท่าไหร่ ซึ่งถ้าผู้ที่ร้องเรียน ไม่เห็นด้วยกับมติของคณะกรรมการ สามารถยื่นอุทรณ์ได้
ส่วนกรณีนี้ ทางลูกสะใภ้ยื่นคำร้องมา โดยระบุความสัมพันธ์กับผู้เสียชีวิตว่าเป็นภรรยา เราจึงไปดูหลักฐานจากโรงพยาบาล ไปดูใบยินยอมให้การรักษา ซึ่งก็เป็นชื่อของลูกสะใภ้เป็นคนเซ็น และใบสุดท้าย เป็นใบแจ้งความประสงค์ในกรณีที่ไม่สามารถจะยื้อชีวิตไว้ได้ ซึ่งเขาก็เป็นคนเซ็นไว้ทั้งหมด ทั้งนี้ ในใบลงนามบันทึกการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายมีการลงนามโดยคุณแม่ก่อน ลูกสะใภ้ลงนามเป็นพยาน คณะกรรมการเลยพิจารณาว่าเขาเข้าเกณฑ์มีสิทธิ์ยื่นคำร้อง
แม่แอ๊ว กล่วเพิ่มว่า ตนไม่เคยเซ็นเอกสารเลยสักอย่างหนึ่ง เขาบอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการเอง ตนไม่ต้องไป และเขายังบอกกับทาง สปสช.ว่าตนตายไปแล้ว ผู้เสียชีวิตไม่มีญาติแล้ว นอกจากนั้น ตอนที่ตนไปแจ้งความ ทางตำรวจบอกว่า ตนแจ้งความกับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะคนเสียหายคือ สปสช. เขาถูกหลอกให้จ่ายเงินออกไป ต้องให้ สปสช. มาแจ้งความ
ทพ.อรรถพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการตรวจสอบ จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ เท่าที่ทำได้ และพิจารณาไปตามหลักฐาน มันเข้าข่าย เป็นผู้อุปการะ เข้าข่ายยื่นคำร้องได้
ส่วนเรื่องที่เจ้าหน้าที่ทำไมถึงไม่แจ้งในรายละเอียด เรื่องแบบนี้มันมีขั้นมันมีตอนของมันอยู่ ตอนนี้เราควรจะหาทางแก้ไข กุญแจสำคัญอยู่ที่ลูกสะใภ้ เพราะมันเป็นเงินช่วยเหลือ และจากข้อมูลที่ได้มา ทั้ง 3 ท่าน ตัวลูกชาย คุณยาย และลูกสะใภ้ อยู่บ้านเดียวกัน ตามหลักมนุษยธรรม เงินเยียวยาก้อนนี้ ต้องเยียวยาถึงคุณยาย ถ้าลูกสะใภ้ได้ยินข่าว ขอให้กลับมานั่งคุยกันด้วยหลักเหตุผล
ทนายธนิดา แจ้งจำรัส กล่าวเพิ่มว่า พรุ่งนี้ (17 ส.ค. 65) 10.00 น. จะเดินทางไปร้องที่กองปราบฯ เพื่อให้ดำเนินการนำตัวลูกสะใภ้มาชี้แจงให้ได้ ว่าเหตุการณ์มันเป็นอย่างไร และจะดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35