ล้มทั้งยืน! สาวส่งรถซ่อม อู่เอาไปขับชน 2 ครั้ง สุดท้ายพังยับ สุดช้ำให้ค่าทำขวัญ 3 หมื่น

สาวร้องสื่อ หลังส่งรถเข้าศูนย์ซ่อม แต่ พนง. เอาไปชนยับทั้งคัน เจ้าของรถรับสภาพไม่ได้ ลั่นขอรถใหม่ เพราะเพิ่งผ่อนไปเพียง 16 งวด หวั่นราคาตก  

 

 

            วันที่ 16 ก.ค. 65 พร้อมสิริ นามมุงคุณ (นุ่น) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ ข่าวเย็นประเด็นร้อน ในช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า วันที่ 2 มิ.ย. ตนนำรถเข้าไปเช็กสภาพรถ ก่อนตนจะเดินทางไกล รถไม่ได้เสียอะไร แต่วันนั้นพนักงานเขาขับรถถอยไปชนกับอีกคันหนึ่งภายในศูนย์ จนเกิดรอยขึ้น แต่ไม่เยอะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าตน ซึ่งตอนแรกเขาจะให้ตนเรียกประกันของตนมาเคลมรอยนี้ แต่ตนมองว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องเรียกประกันของตนมาซ่อม จนสุดท้ายจบที่เขาจะซ่อมรอยนี้ให้ ตนมาส่งรถซ่อมสีอีกทีหนึ่งวันที่ 29 ก.ค. 65 ต่อมาวันที่ 30 ก.ค. 65 เป็นวันที่เกิดอุบัติเหตุรถชน โดยเกิดหลังจากเขาซ่อมสีรถเสร็จแล้ว กำลังจะนำรถกลับมาส่งที่ศูนย์ ทั้งนี้ เขาอ้างว่าอุบัติเหตุเกิดโดยเขาถูกชนท้าย แล้วกระเด็นไปชนคันข้างหน้าอีกที ตนจึงขอให้เขาส่งรูปให้ดู เพราะตนอยู่ต่างอำเภอ ไม่สามารถไปดูรถในที่เกิดเหตุได้ พอเขาส่งรูปมาให้ตนดู ตนก็ช็อกเลย ไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้    

 

            จากนั้นทางศูนย์รถ บอกว่าไม่ต้องห่วง จะรับผิดชอบแน่นอน แต่พอคุยกันจริง ๆ แล้วไม่เป็นแบบนั้น เจรจากันครั้งแรก ตนยื่นข้อเสนอไปว่า ขอเปลี่ยนคันใหม่ได้ไหม เพราะมันพังเยอะมาก แต่ข้อนี้ก็ถูกปัดตกไป จึงยื่นข้อเสนอที่ 2 โดยให้เขานำรถคันนี้ไปจัดการได้เลย แต่ตนขอเงินที่ผ่อนไป 16 งวด กับเงินดาวน์คืน รวมเป็นเงินประมาณ 2 แสนบาท เขาก็แจ้งว่า จะนำเรื่องไปปรึกษากรรมการบริหาร แล้วอีก 1 สัปดาห์เขาจะแจ้ง สุดท้ายก็ถูกปัดตกเช่นกัน 

 

 

            อย่างไรก็ตาม ศูนย์ยืนยันไม่ว่ายังไงก็ซ่อมรถคันนี้ให้ตนใช้ โดยเขาส่งรายการประเมินอาการเสียหาย และยินดีจะซ่อมให้ตามมาตรฐานของศูนย์ พร้อมการรับประกัน 1 ปี แต่ตนก็ไม่โอเคว่าจะซ่อม เขาจึงบอกว่าหากซ่อม แล้วตนจะเรียกค่าสินไหมเท่าไหร่ ก็ลองเรียกมาก่อน ดังนั้นตนจึงเรียกค่าสินไหมไป 5 แสนบาท ที่เรียกไปสูง เพราะว่าตนมองว่ามันคงมีการต่อรอง รวมทั้ง เป็นค่าเสื่อมของรถ ค่าเสียสุขภาพจิต เสียการเสียงานมาคุย มาเจรจา เขาก็รับข้อเสนอนี้ไปเสนอกรรมการอีกครั้ง และตนก็ขอให้เขาเร่งดำเนินการภายใน 2 วัน เพราะรอมานานแล้ว หลังจากนั้นผู้จัดการศูนย์โทรมาแจ้งว่า เยียวยาแค่ 3 หมื่น พร้อมซ่อมรถให้เหมือนเดิม และรับประกันเพิ่มให้ 3-5 ปี โดยการซ่อมครั้งนี้ใช้สิทธิ์ประกันชั้น 1 ของรถตน ไม่เจรจาต่อรองมากกว่านี้   

 

  

 

            ทั้งนี้ในเรื่องของประกัน ตอนแรกตนไม่ได้คิดจะซ่อมรถคันนี้เอง เลยไม่ได้คุยกับประกัน จนได้ลองคุยกับประกันเอง ปรากฏว่าทางศูนย์แจ้งดำเนินการกัยประกันว่าจะซ่อมรถ ทั้งที่ตนไม่ได้ยินยอม ทางประกันก็เหมือนจะเข้าใจว่าตนเป็นคนขับรถจนเกิดอุบัติเหตุ เพราะตนทำประกันชั้น 1 แบบไม่ระบุตัวคนขับไว้ ตนจึงแจ้งประกันว่าอย่าเพิ่งดำเนินการซ่อม เพราะตนยังตกลงกับศูนย์ไม่ได้ ตนเคยถามว่า ทำไมเอารถไปทำสี ถึงไม่ขึ้นรถสไลด์ไป เขาบอกว่า ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน เอาไปแค่ใกล้ ๆ ก็ขับไปก็ได้ 

 

            สำหรับฝ่ายคู่กรณี ศูนย์รถดังกล่าว ทางทีมงาน "ถกไม่เถียง" ได้ติดต่อไปเพื่อขอให้โฟนอินชี้แจ้งเรื่องราวทั้งหมด โดยผู้จัดการแจ้งว่า ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงหาข้อสรุป และคำนวณค่าเสียหายในการเยียวยาลูกอยู่ จึงไม่สะดวกโฟนอินมาในรายการ แต่ได้ฝากข้อความว่า "เบื้องต้นศูนย์ได้ยื่นข้อเสนอเยียวยาให้เจ้าของรถดังนี้ ข้อที่ 1.เปลี่ยนอะไหล่ใหม่ทุกชิ้น 2. ขยายระยะเวลารับประกัน 3-5 ปี (เดี๋ยวมาตกลงกันอีกที) 3. เงินเยียวยาค่าเสียเวลาต่าง ๆ 3 หมื่นบาท 4. ให้รถไปใช้ระหว่างการซ่อม โดยค่าซ่อมจะให้ประกันของลูกค้า ในการซ่อมแซมทั้งหมด แต่หากมีส่วนต่างที่ไม่สามารถเบิกประกันได้ ทางศูนย์จะรับผิดชอบให้ทั้งหมด "

 

 

            ส่วนประเด็นที่ว่า ทำไมต้องใช้ประกันของเจ้าของรถ และหากใช้ประกันของเจ้าของรถในการซ่อม เบี้ยประกันในปีถัดไปจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ทางผู้จัดการศูนย์ ตอบว่า ค่าเบี้ยประกันจะไม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเราไม่ใช่คนผิด จะไม่มีผลกระทบต่อเจ้าของรถ และเรื่องที่ไม่ใช้รถสไลด์ เพราะว่า อู่ส่วนใหญ่หลายแห่งก็ทำเหมือนกัน และยังอยู่ใกล้กับอู่ที่ทำสี เป็นเส้นทางที่ใช้วิ่งประจำอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งแรก ที่พนักงานถอยรถเฉี่ยวชนรถอีกคัน ศูนย์ยอมรับผิด โดยพนักงานรายดังกล่าว ได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมเองทั้งหมด และศูนย์จะมีบทลงโทษพนักงานรายดังกล่าวต่อไป      

 

 

            คุณนุ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับตอนนี้ ตนมีข้อเสนอให้ทางศูนย์แค่ข้อเดียว คือ ให้รถคันที่พังให้ทางศูนย์จัดการไปเลย ตนขอแค่เงินตนคืน เพราะตนไม่ต้องการจะซ่อมใช้แล้ว มันมีผลเสียหลายเรื่อง ตนต้องผ่อนรถคันนี้ไปอีก 68 งวด ในราคารถป้ายแดง แต่สภาพรถที่ตนได้ใช้คือรถที่ชนหนักมาแล้ว อีกข้อคือเรื่องของการรับประกัน คือ ตนไม่ใช่คน นครราชสีมา โดยกำเนิด แค่มาทำงานเฉย ๆ ถ้าการรับประกันอยู่แค่ภายในศูนย์นี้ วันหนึ่งตนย้ายไปทำงานที่อื่น ต้องเสียเวลาเอารถกลับมาซ่อมที่นี่อีก และถ้าวันหนึ่ง ตนอยากขายรถคันนี้ต่อ ราคามันก็น่าจะตกไปเยอะ ที่สำคัญคือตนสามารถมั่นใจได้แค่ไหน ว่ารถที่ชนหนักมา จะปลอดภัยในการขับขี่ และชีวิตตนขนาดไหน     

 

 

            ด้าน ทนายสง ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า ไม่มีทางที่บริษัทฯ จะคืนเงินให้ เพราะมีการจัดไฟแนนซ์ ดังนั้นที่ทำได้ คือใช้สิทธิทางศาลจะเห็นผลที่สุด ยื่นเรื่องให้เป็นคดีผู้บริโภค ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการฟ้องร้องใด ๆ ทั้งสิ้น โดยฟ้องให้ศูนย์รถ คืนเงินดาวน์ พร้อมค่างวด เนื่องจาก ลูกจ้างของบริษัทฯ เป็นตัวแทนในการเอารถของเราไปใช้ในกิจการส่วนตัว ของบริษัทฯ ก่อเกิดความเสียหายต่อเรา โดยเราได้รับการเสียหายจากการขาดประโยชน์จากการใช้รถ และรถไม่ได้คุณภาพตามที่มีการซื้อไว้ตั้งแต่ต้น เนื่องจากได้รับความเสียหายจากการเฉี่ยวชน ทำให้เราเกิดความไม่สบายใจในการใช้บริการ