จากเหตุการณ์ไฟไหม้ผับ "เมาท์เทนบี" ผ่านมาการ 2 สัปดาห์ ครอบครัวเหยื่อเผยว่า ได้รับเงินเยียวยาไม่เป็นธรรม แม้อาการจะหนัก หวั่นเรื่องจะเงียบ เพราะเกี่ยวข้องผู้มีอิทธิพล
วันที่ 15 ส.ค. 65 อัจฉรา นีน้อย แม่ของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ ก็ไม่มีใครติดต่อเข้ามา จนกระแสโจมตีฝั่งเขา จึงติดต่อเข้ามาเยียวยาที่งานศพลูกชายเป็นเงิน 5 หมื่นบาท กับพวงหรีด 1 พวง ซึ่งให้เด็กที่ร้านเป็นคนเอามาให้ จากนั้นก็เงียบไป ส่วนลูกสะใภ้ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เขาเยียวยามาให้ 1 หมื่นบาท อย่างไรก็ตาม อยากให้เขาเยียวยามากกว่านี้ ไม่ใช่แค่ 5 หมื่น เป็นไปได้ก็อยากให้ลูกชายยังอยู่
ด้าน นิตยา นีน้อย น้องสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า สื่อบางสำนักออกข่าวไปว่า พี่ชายของตนไปฉลองวันเกิดที่นั่น ทำให้ร้านต้องเปิดต่อ ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น พี่ตนฉลองกันที่บ้าน แล้วออกไปต่อกันที่ร้าน ช่วงเที่ยงคืน ออกข่าวแบบนี้ เหมือนโบ้ยความผิดให้คนตาย เขาไม่ได้ไปขอให้ร้านต่อเวลาเพิ่มเลย อย่างไรก็ตาม คนพื้นที่รู้กันอยู่แล้วว่าร้านปิดกี่โมง จากประสบการณ์ที่ตนเคยไป วันธรรมดาเขาจะปิดประมาณ 02.00 น. ถ้าศุกร์-เสาร์ จะปิดประมาณ 04.00 น.
ทั้งนี้ ตนอยากให้ทางร้าน อย่างน้อยรับผิดชอบติดต่อกลับมาบ้างก็ยังดี ไม่ใช่ให้เงินแล้วก็หายไปเลย เพราะวันที่เขาเอาเงินเยียวมาให้ที่งานศพ ตนได้สอบถามไปแล้วว่าเมาท์เทนบีจะเป็นเจ้าภาพงานศพไหม แต่ตนก็เข้าใจว่าคนที่ดำเนินการตอนนั้นเป็นแค่กัปตันของร้าน คงไม่มีอำนาจการตัดสินใจ เลยบอกให้เขาไปคุยกันก่อน ซึ่งเขาก็เงียบหายไป ตอนนี้ตนก็หวั่นเรื่องจะเงียบ
ขณะที่ รุ่งอรุณ แซ่จัง แฟนของผู้บาดเจ็บ เผยว่า แฟนสาวของตนมีบาดแผลไฟไหม้ 60 % ของร่างกาย แต่ยังถอดเครื่องช่วยหายไม่ได้ ตนกังวลว่าหากหายมาแฟนสาวจะใช้มือไม่ได้ทั้ง 2 ข้าง เพราะตอนนี้หมอบอกว่าข้างขวาไม่สามารถใช้ได้แล้ว แต่ข้างซ้ายต้องดูอาการ แล้วแฟนตนทำงานเป็นแม่ครัว อาจจะไม่สามารถกลับไปทำงานได้
จึงอยากให้เขาเยียวยามามากกว่านี้ แสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ ซึ่งตนได้มา 2 รอบ รอบแรก 1 หมื่น และอีกรอบ 2 หมื่น แถมต้องเป็นคนติดตามเองตลอด เขาไม่เคยติดต่อมาก่อน และยังต้องไปเอาเงินกับเขา ทำเหมือนเราไปขอเงินเขา นอกจากนั้น แม่ของไอซ์ กับ แม่ของลูกปลา บอกกับตนว่า เขาได้ยินทนายพูดว่า "ถ้าอยากได้ รวมตัวไปฟ้องทนายเอาเอง"
ด้าน กัญญารัตน์ งามดี แม่ของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ลูกชายของตนเป็นพนักงานดับเพลิง วันที่เกิดเหตุลูกชายของตนออกมาได้แล้ว ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่กลับเข้าไปช่วยคนต่อ จนโดนระเบิด อาการหนัก ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ น้ำท่วมปอด ต้องดูอาการชั่วโมงต่อชั่วโมง มีแผลไฟไหม้ 90% ของร่างกาย
เจ้าของร้านก็ไม่ได้มาเยียวยาเลย ที่ได้เงินเยียวยามา 1 หมื่นบาท ก็เพราะบังเอิญไปเจอกันที่ สภ.พลูตาหลวง และต้องไปตามเอง จึงได้เงินเยียวยามาอีก 2 หมื่นบาท ทั้งนี้ตนกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะได้ยินข่าวมาว่า เขาจะให้ไปฟ้องร้องกันเอง อยากให้เขารับผิดชอบมากกว่านี้ ตนอายยุก็เยอะ ลูกหายออกมาตนก็ต้องดูแล จะใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้หรือเปล่า ก็ยังไม่รู้
ขณะเดียวกัน รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เผยว่า ตนไปร้องกับกองปราบฯ เพราะอยากให้เขาทำเคสนี้แทน เนื่องจากในพื้นที่ผับเป็นพื้นที่ใกล้กับกองทัพเรือ และโรงพัก สถานบันเทิงมันไม่สามารถเปิดได้หรอก หากไม่มีคนมีสีอยู่ข้างหลัง ตำรวจลงพื้นที่ไปหลายรอบ แต่ก็ยังเปิดได้อยู่ หวั่นว่าคดีจะเงียบ เลยไปร้องเรียน อีกทั้งอยากให้ขยายผลหาตัว เจ้าของ และหุ้นส่วน เพราะตนคิดว่า เสี่ยบี อายุแค่ 27 คงไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ได้ แถมเปิดผับในพื้นที่กลุ่มอิทธิพล ต้องมีคนหนุนหลัง อยากทำให้เคสนี้เป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อจะได้มีการปรับปรุงแกไขกฎหมาย
ส่วนการเยียวยา เขาก็ควรออกมารับผิดชอบมากกว่านี้ คร่าว ๆ คนที่เสียชีวิต ไม่ควรต่ำกว่า 5 ล้านบาท ดูจากอายุการทำงาน และบางคนมีลูกด้วย คนที่บาดเจ็บก็ไม่ควรต่ำกว่า 5 ล้านบาท ค่ารักษาพยาบาลสัปดาห์หนึ่งถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชนก็เป็นเงินหลักล้านแล้ว ของรัฐบาลก็หลักแสน หากกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ก็ต้องทำศัลยกรรมอีก ดังนั้นจ่ายมาแค่ 3 หมื่น มันไกลมากที่จะให้เขากลับไปใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเดิมได้ หลังจากออกหมายจับเจ้าของผับตัวจริงแล้ว จะมาประเมินสถานการณ์ว่าจะขยับตรงไหนบ้าง
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35