ฝาแฝดอลวน ! หนุ่ม ตกเป็นแพะ แทนแฝดน้อง สังคมประณาม ที่ทำงานไล่ออก : ช็อตเด็ด ถกไม่เถียง

หนุ่มร้องขอความเป็นธรรม หลังตกเป็นแพะ คดีทำร้ายร่างกาย แทนแฝดน้อง ถูกออกหมายจับ สังคมตราหน้าเป็นคนเลว ที่ทำงานก็ไล่ออก 

 

 

            วันที่ 11 ส.ค. 65 ปฏิพันธ์ แก้วแหยม (อ๊อฟ) ผู้เสียหายที่เป็นแฝดพี่ เล่าว่า ตนเห็นข่าวเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 65 ซึ่งในข่าวใช้รูป พร้อมชื่อของตน บอกว่าเป็นผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกาย พยายามฆ่า ตนเห็นแบบนั้นก็ตกใจ เพราะไม่ได้เป็นคนทำ เลยเดินทางไปที่ โรงพัก สภ.ห้วยแถลง เพื่อแจ้งความบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุ น่าจะเป็นน้องชายฝาแฝดของตน อยู่ที่ จ.สมุทรปราการ วันต่อมา ก็มีสายโทรเข้ามา เป็นเสียงผู้หญิง แจ้งว่าออกหมายจับในชื่อของตน "ปฏิพันธ์ แก้วแหยม" ซึ่งตนก็ปฏิเสธไป บอกว่าคนก่อเหตุเป็นน้องชายฝาแฝดของตน ตนกลัวมากที่ถูกออกหมายจับ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่เคยเจอเรื่องราวแบบนี้ ทั้งนี้ก็มีนักข่าวนัดสัมภาษณ์ตน ตนจึงขอให้แก้ข่าวให้ จากนั้นไม่นาน ก็เริ่มทยอยแก้ข่าวกัน   

 

            ส่วนในเรื่องผลกระทบ ตนถูกไล่ออกจากงาน เพราะตนทำงานรายวัน ต้องขาดงานหลายวัน ไปให้ข่าวกับสื่อ ทำให้ขาดรายได้ แต่ตนไม่ได้ถูกไล่ออกคนเดียว แฟนสาวก็โดนไล่ออกด้วย แถมลูกชายวัย 10 ขวบ ก็ถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อ ว่าพ่อเป็นผู้ก่อเหตุ ขณะเดียวกันก็สงสัยในเรื่องของหมายจับด้วย ว่าทำไมถึงออกมาเป็นชื่อของตน สำหรับแฝดน้องตนเพิ่งมารู้ว่ามีตอนอายุ 12-13 ขวบ เพราะแยกกันอยู่ตั้งแต่เด็ก ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกัน เจอกันครั้งล่าสุดเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว ส่วนตัว น้องชายมีลายสักที่แขนทั้ง 2 ข้าง และที่คอ ซึ่งตนไม่มี

 

 

            ด้าน สำรวย เกตุไธสง แม่ของฝาแฝด เล่าว่า ตนมีลูก 2 คน แต่ตอนที่คลอดออกมาตอนนั้นลำบาก เลยเอาลูกให้กับป้าไปเลี้ยง และก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ไม่มีความผูกพันธ์กัน เพราะทางนั้นเขาก็ไม่อยากให้เราเจอเด็ก กลัวเราเอาเด็กคืน ตอนนี้ทางฝั่งเขาที่เอาลูกไปเลี้ยงก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว เลยไม่รู้ความคืบหน้าเลย  

 

 

            พ.ต.ต.ชินทัตต์ วิเชียรเจริญ สารวัตรสืบสวน สภ.บางเสาธง ให้ความเห็นว่า คดีนี้ยืนยันว่าไม่ใช่ความผิดของตำรวจ เพราะได้ออกหมายจับตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. 65 ในชื่อของ  "นายปฏิพัทธ์ แก้วแหยม" แฝดผู้น้อง สามารถตรวจสอบได้ แต่ในส่วนที่ข่าวออกไปแบบนั้น ตนก็ไม่รู้ว่าทำไม ขอไม่ก้าวล่วง รวมถึงเรื่องที่มีคนโทรไปบอกว่ามีหมายจับผู้เสียหาย ตนก็ไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ อาจจะเป็นพวกหลอกลวง ทั้งนี้ การทำงานของตำรวจ หากออกหมายจับจะไม่มีการโทรหาผู้ต้องหา เราจะดำเนินการจับกุมเลย 

 

 

            สำหรับ ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า เท่าที่ตนเห็นในหมายจับ ลงไว้ว่า เป็นชื่อ นายปฏิพัทธ์ วันที่ 4 ส.ค. 65 เป็นเรื่องจริง ไม่มีการแก้ไข ดังนั้นเชื่อว่านักข่าวในพื้นที่น่าจะเอาข่าวมา และแจกจ่ายกันไปแบบผิด ๆ มากกว่า 

 

 

            ดังนั้น การเยียวยา ถ้าสื่อนำภาพไปลงโดยพลการ และไม่แก้ไข จะผิดในเรื่องของการละเมิด ต้องจ่ายค่าเสียหายเพื่อการนั้น และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ก็เห็นแล้วว่าสื่อทยอยแก้ไขไปแล้ว ขณะเดียวกัน นายจ้างก็ต้องรีบเยียวยาให้ลูกจ้างด้วย เพราะว่าเลิกจ้างโดยไม่บอกกล่าว ต้องค่าตกใจให้ ไม่ใช่ว่าจะเลิกจ้างใครยังไงก็ได้