แฝดน้องไล่ฟันคน แฝดพี่รับเคราะห์ ตกเป็นแพะ ถูกไล่ออก สังคมตราหน้าเป็นคนเลว!

หนุ่มร้องขอความเป็นธรรม หลังตกเป็นแพะทำร้ายอดีตเมีย ถูกออกหมายจับ ที่ทำงานก็ไล่ออก แถมสังคมตราหน้าว่าเป็นคนเลว ทั้งที่จริงเป็นมีผีมือน้องชายฝาแฝด แยกกันอยู่ตั้งแต่อายุ 2 เดือน 

 

 

            วันที่ 11 ส.ค. 65 ปฏิพันธ์ แก้วแหยม (อ๊อฟ) ผู้เสียหายที่เป็นแฝดพี่ ออกมาเล่าเรื่องรายผ่านรายการ ข่าวเย็นประเด็นร้อน ในช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เล่าว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 65 ตนกำลังทำงานอยู่ แล้วบังเอิญไปเห็นข่าว ที่มีชื่อ และรูปของตน โดยในข่าวบอกว่าคนก่อเหตุ ทำร้ายร่างกายผู้หญิง พยายามฆ่า สาวโรงงาน ตนเห็นแบบนั้นตนก็ตกใจ เพราะตนไม่ได้เป็นคนทำ จึงไปตามแม่กับผู้ใหญ่บ้าน และครอบครัวคนอื่น ๆ อีก พากันไปที่โรงพัก สภ.ห้วยแถลง เพื่อแจ้งความ พอเล่าให้จำรวจฟัง เขาก็ให้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม ตนรู้ว่าคนก่อเหตุต้องเป็นน้องชายฝาแฝด ที่อยู่จ.สมุทรปราการแน่นอน เลยให้ข้อมูลกับทางตำรวจด้วย แต่ไม่ว่าจะยังไงตนก็กลัวมาก ณ ตอนนั้น กินไม่ได้นอนไม่หลับ กลัวว่าจะมีหมายจับ ไม่รู้จะทำยังไง   

 

 

            ต่อมา วันที่ 5 ส.ค. 65 มีสายโทรเข้ามา เป็นเสียงผู้หญิง แจ้งว่าออกหมายจับในชื่อของตน "ปฏิพันธ์ แก้วแหยม" แต่ก็ไม่ได้สอบถามว่าเขาเป็นใคร เพราะตนตกใจอีกครั้ง จึงบอกเขาไปว่า จะมาจับตนได้ยังไง ตนไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุเป็นน้องชายฝาแฝดของตน จากนั้นเขาก็วางสายไป ตนจึงพาแม่กับผู้ใหญ่บ้านไป สภ.ห้วยแถลง อีกครั้ง สอบถามตำรวจว่ามันเป็นยังไง เขาโทรมาทำไม ทางตำรวจเขาก็บอกว่าไม่เป็นไร เราได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว อย่างไรก็ตามตนก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมหมายจับ ถึงออกมาเป็นชื่อของตน หลังจากนั้น ตนต้องไปโรงพักอีกครั้ง เนื่องจากสื่อมวลชนนัดไปเจอ พอไปถึงเขาก็สอบถามความเป็นมาของคดี ตนก็เล่าเรื่องไปตามความจริง ว่าตนไม่ได้เป็นคนทำ คนก่อเหตุคือน้องชายฝาแฝด วันต่อมา สื่อก็ทยอยแก้ข่าวให้ ตนก็อยากขอบคุณสื่อมากที่แก้ข่าวให้ตน   

 

 

            ส่วนในเรื่องผลกระทบ ในเรื่องของงาน ตนทำงานเป็นรายวัน แฟนก็ทำงานที่เดียวกัน รายได้รวมแล้วประมาณ 700-800 ต่อวัน แต่พอเกิดเรื่องขึ้น เริ่มมีสื่อเข้ามาหา ทำให้ไม่ได้ไปทำงาน หลายวันขึ้น เจ้านายเขาก็บอกว่าไม่ต้องมาทำงานแล้ว เขาจ้างคนมาใหม่แล้ว แต่ว่า โดนถูกออกทั้ง 2 คนกับแฟนเลย รายได้หายไปหมดเลย  

 

            สำหรับเรื่องของแฝดคนน้อง ตนเจอล่าสุดตั้งแต่สมัย 7-8 ปีที่แล้ว เพราะแยกกันตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกัน ตนเพิ่งมารู้ตอนอายุ 12-13 ขวบ ว่าตนมีฝาแฝด ทั้งนี้แฝดคนน้อง มีลายสักที่แขนทั้ง 2 ข้าง ส่วนตนมีแค่ข้างเดียว อีกทั้งเขาก็มีลายสักที่คอด้วย ซึ่งตนก็ไม่มีเช่นกัน  

 

 

            ด้าน สำรวย เกตุไธสง แม่ของฝาแฝด เล่าว่า ตั้งแต่รู้ข่าว ตนกลัวมาก กลัวลูกจะเป็นอะไร คิดไปทั่วหมด ร้องไห้ทุกวัน เราก็งง อยู่ด้วยกันกับลูก แต่ทำไมถึงมีข่าวแบบนี้ อีกทั้ง หลาน วัย 10 ขวบ ลูกของลูกชายตน ก็คอยถามตลอดว่าคดีพ่อ เขาแก้ให้หรือยัง เพราะหลานก็โดนเพื่อน ๆ ล้อจากที่โรงเรียน 

 

            ตนมีลูก 2 คน พอคลอดออก ด้วยความที่ตอนนั้นลำบาก ป้าก็เลยเสนอขอเอาไปเลี้ยง 1 คน ตนก็เลยยกให้เขาไป 1 คน ซึ่งป้าก็เอาแฝดน้องไปตั้งแต่อายุ 2 เดือน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อเจอกันเลย ป้าเขาก็ไม่อยากให้เด็กผูกพันธ์กับเรา กลัวเราจะไปเอาลูกคืน ตนก็ลำบาก ทำงานก่อสร้าง หาเงินไปวัน ๆ แต่ตนก็เคยสอนลูก ว่าลูกมีแฝดนะ ตอนนี้ทางญาติ ๆ ฝั่งที่เขาเอาแฝดคนน้องไปเลี้ยง เขาก็เสียไปหมดแล้ว เลยปล่อยจนเป็นแบบนี้     

 

 

            พ.ต.ต.ชินทัตต์ วิเชียรเจริญ สารวัตรสืบสวน สภ.บางเสาธง ให้ความเห็นว่า คดีนี้ เกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 65 เราทราบตั้งแต่วันแรกแล้วว่าผู้ก่อเหตุมีฝาแฝด ผู้เสียหายก็ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุ คือ "นายปฏิพัทธ์ แก้วแหยม" แฝดผู้น้อง เราก็ไปขอหมายจับวันที่ 4 ส.ค. 65 ยืนยันว่าไม่ได้มีการขอหมายจับผิดตัวเลย สามารถเช็คได้ว่าหมายจับไม่ได้มีการแก้ไข  

 

            แต่ในส่วนที่ข่าวออกไปว่า เป็นชื่อ ปฏิพันธ์ แก้วแหยม แฝดผู้พี่ ตนก็ไม่ทราบว่าทางสื่อผิดพลาดในส่วนของชื่อที่ใกล้เคียงหรือเปล่า ตนไม่ขอก้าวล่วง ส่วนเรื่องที่มีคนโทรไปหา คุณปฏิพันธ์ ว่ามีหมายจับ เรื่องนี้ตนไม่ทราบว่ามีใครโทรไปหรือเปล่า อาจจะเป็นพวกหลอกลวง ทั้งนี้การทำงานของตำรวจ หากออกหมายจับ จะไม่มีการโทรหาผู้ต้องหา ถ้าเรารู้พิกัดผู้ต้องหา เราก็จะดำเนินการจับเลย   

 

 

            ทั้งนี้ นายปฏิพัทธ์ แก้วแหยม แฝดผู้น้อง เคยมีประวัติติดตัวหลายคดี แต่ถูกดำเนินการไปจนพ้นโทษหมดแล้ว ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างขั้นตอนสืบสวนจับกุม และจะรีบนำตัวมาดำเนินคดี   

 

            สำหรับ ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า เท่าที่ตนเห็นในหมายจับ ลงไว้ว่า เป็นชื่อ นายปฏิพัทธ์ วันที่ 4 ส.ค. 65 ถูกต้องเลย ดังนั้นเชื่อว่านักข่าวในพื้นที่น่าจะเอาข่าวมา และแจกจ่ายกันไปแบบผิด ๆ มากกว่า ส่วนนายจ้าง ถ้าให้ลูกจ้างออกโดยไม่บอกกล่าว ก็ต้องให้ค่าตกใจ แม้จะเป็นลูกจ้างรายวันก็ตาม

 

 

            ดังนั้น การเยียวยา ถ้าสื่อนำภาพไปลงโดยพลการ และไม่แก้ไข จะผิดในเรื่องของการละเมิด ต้องจ่ายค่าเสียหายเพื่อการนั้น แต่ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ก็เห็นแล้วว่าสื่อทยอยแก้ไขไปแล้ว ขณะเดียวกัน นายจ้างก็ต้องรีบเยียวยาให้ลูกจ้างด้วย