สุดระทึก “ไฟไหม้ผับชลบุรี”

ระทึก ! ไฟไหม้ผับชลบุรี นักท่องเที่ยวแห่หนีตาย สุดท้ายกลายเป็นโศกนาฏกรรม ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เปิดวินาทีเกิดเหตุ ! กับ อาสากู้ภัย-ดีเจ-นักเที่ยว ผู้รอดชีวิต

 

วันที่ 5 ส.ค. 2565 ในรายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ได้ถกในประเด็น “ไฟไหม้ผับชลบุรี” MOUNTAIN B (เมาน์เทน บี) ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหลายราย

 

 

พงษ์พัฒน์ ผันแปล อาสากู้ภัย สว่างโรจนฯ จุดสัตหีบ เปิดเผยว่า ตนไปถึงที่เกิดเหตุช่วยประมาณ 1.20 น. เมื่อไปถึง สิ่งที่เห็นคือคนวิ่งออกมาชุลมุนไปหมดบริเวณด้านหน้าร้าน ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุจะแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซนร้านนั่งชิล และ ร้านที่เกิดเหตุ

 

โดยพวกตนได้เข้าไปสนันสนุนการช่วยเหลือโดยการ ดูที่เกิดเหตุ คอยประเมินผู้บาดเจ็บ ปฐมพยาบาล และคอยลำเลียงนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งผู้บาดเจ็บส่วนมาก มีอาการแผลพุพอง หนังถลอก บางคนมีเลือดเต็มตัว ผมไหม้ บางคนก็ดำเลยเพราะถูกไฟครอก แล้วก็วิ่งหนีออกมา ซึ่งบางคนก็จะวิ่งหนีออกมาโดยการใช้น้ำฉีดตามร่างกาย บางคนก็จะนอนคลุกกับดิน

 

โยธิน โชคบุญชู อาสากู้ภัย สว่างโรจนฯ จุดสัตหีบ เปิดเผยว่า สำหรับผู้บาดเจ็บ ตนก็ได้ทำการสอบถามอาการบาดเจ็บ สอบถามชื่อ เพื่อที่จะดึงสติ เนื่องจากบางคนเหมือนจะหมดสติ เจ็บปวดจากแผลไฟไหม้ ทั้งนี้ ตนได้สอบถามจากเพื่อนที่เข้าไปเที่ยวแต่รอดออกมาได้ เขาเล่าว่า น้องสาวเขาเห็นกลุ่มควัน เลยพาดึงกันออกมา แต่เพลิงลุกไหม้เร็วมาก ทำให้มีการถีบกระจกกันออกมา ชุลมุนวุ่นวายมาก

 

 

ในส่วนของกรณีประตูหนีไฟ ธเนศ สุวรรณน้อย อาสากู้ภัย สว่างโรจนฯ จุดสัตหีบ ให้ข้อมูลว่า ตนไม่เห็นป้ายหนีไฟ เพราะตอนเข้าไปมันไหม้หมดแล้ว ไม่เห็นอะไรเลย ดำหมดเลย ทางด้าน พงษ์พัฒน์ ให้ข้อมูลว่า ประตูหนีไฟ ถ้าเรามองจากช่วงที่อยู่ในผับตอนกลางคืน มันจะกลืนไปกับพนังของร้านเลย

 

สำหรับรายละเอียดการปฏิบัติหน้าที่ในคืนเกิดเหตุ ธเนศ กล่าวว่า ในคืนเกิดเหตุขณะที่เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ก็มีน้องที่ตนรู้จักอยู่ได้โพสต์ถึงเหตุการณ์ไฟไหม้ ณ ผับแห่งนี้ทางเฟซบุ๊ก จากนั้นเขาก็เดินทางมาที่เกิดเหตุ เพื่อนำรูปมาถามตนว่า มีน้องคนนี้อยู่ในที่เกิดเหตุหรือไม่ มีคนชื่อนี้หรือลักษณะแบบนี้อยู่ในที่เกิดเหตุบ้างหรือไม่ 

 

 

ขณะที่ พงษ์พัฒน์ เปิดเผยความรู้สึกตัวว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนี้หนักที่สุดแล้วนับตั้งแต่เกิดเหตุสึนามิ ด้านอุปสรรคในการดำเนินการ เหตุดังกล่าวก็มีส่วนของญาตหรือเพื่อน ๆ ผู้ที่ประสบเหตุ ที่มาคอยกดดันการทำงานของพวกตน คอยชี้จุดให้คอยช่วยคนนั้นก่อน คนนี้ก่อน ทำไมไม่ทำอย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าเป็นห่วงและวิตกกังวล แต่บางครั้งการช่วยเหลือก็ต้องเป็นไปตามลำดับ เครื่องมือหรืออุปกรณ์บางอย่างก็อาจทยอยใช้ไปแล้ว ส่วนอุปสรรคในการเก็บกู้ด้านในตัวผับ คือ กลุ่มควัน ที่พวกตนนั้นไม่สามารถฝ่าเข้าไปตรง ๆ ได้ กับตัวอาคาร ที่สามารถทรุดตัวถล่มลงได้ตลอดเวลา ซึ่งก่อนหน้านั้นจะมีชุดนักดับเพลิงที่ผ่านการฝึกเป็นชุดปฏิบัติการในตัวอาคารเข้าไปตรวจสอบให้ก่อน หลังจากนั้นทีมของตนก็จะส่งชุดตรวจสอบเพื่อเข้าไปยืนยันผู้เสียชีวิตข้างใน แล้วก็นับจำนวนออกมา ว่าเท่ากับจำนวนที่เรานับได้ ให้ชัดเจนว่ามีกี่รายที่เสียชีวิต และอยู่ตรงจุดไหนบ้าง ต้องยืนยันแน่นอน แล้วชุดตรวจสอบจะนำมาบอกชุดคอมมานเดอร์ เพื่อให้รวมตัวเรียกประชุมและรอสั่งการอีกครั้ง

 

 

โยธิน ได้เสริมว่า ตัวโครงสร้างอาคารเป็นลักษณะโครงสร้างเหล็ก และเสริมด้วยพวกโฟม ซึ่งตัวนี้ก็หยดลงมาเรื่อย ๆ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบข้างในได้ ทำได้แค่ตรวจสอบบริเวณรอบ ๆ ร้าน ว่ามีผู้บาดเจ็บหลงเหลืออยู่หรือไม่ มีจำนวนเท่าไร 

 

ในมุมผู้ประสบเหตุ สิทธิชัย ช่างทอง ดีเจของร้านเมาท์เทน บี ยืนยันข้อมูลว่า ผับที่เกิดเหตุมีประตูจำนวน 3 บานจริง รวมประตูหนีไฟ 1 บาน ซึ่งมีสัญลักษณ์ระบุไว้ โดยในวันเกิดเหตุ ตอนแรกตนอยู่ภายในร้านเพื่อเปิดเพลงในเบรกแรกช่วงเวลา 23.30-00.30 น. เมื่อเสร็จแล้ว วงดนตรีสดก็ขึ้นทำการแสดง จึงไปเข้าห้องน้ำ 

 

 

สิทธิชัย กล่าวว่า โดยปกติ ตนจะเข้าห้องน้ำภายในร้าน แต่ในวันเกิดเหตุ ไม่รู้อะไรดลใจให้ตนออกไปเข้าห้องน้ำโซนด้านนอก เสร็จแล้วก็เดินกลับเข้ามานั่งโซฟาภายในร้าน ไม่ถึง 3 นาที ก็มีกัปตันของร้าน (ผู้หญิง) วิ่งออกมา แล้วบอกตนให้หนี ตอนนั้นตนไม่เข้าใจว่าให้หนีอะไร แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น ตนจึงวิ่งหนีตามไป ซึ่งเมื่อวิ่งออกมาได้ประมาณ 100 เมตร ตนมองกลับไปก็เห็นไฟลุกอยู่ที่บริเวณหลังคาด้านหลังร้าน (บริเวณโซนเวที) ต่อมา ไฟโหมแรงขึ้นอีก ตนจึงวิ่งต่อไป แล้วเมื่อหันหลังมองกลับมาก็พบว่าฝ้าของร้านถล่มลงมา กระจกร้านแตก

 

โดยจากเหตุการณ์นี้ อุปกรณ์ในการประกอบอาชีพของ สิทธิชัย เสียหายทั้งหมด มูลค่าราว 200,000 บาท รวมถึงเงินสดที่ตนทิ้งไว้ในร้าน 7,000 บาท โดยหลังเกิดเหตุก็ยังไม่ได้พูดคุยกับเจ้าของร้าน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะที่ผ่านมาเคยคุยกับแค่ผู้จัดการร้านเท่านั้น 

 

สิทธิชัย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยได้กลิ่นแปลก ๆ เหมือนกลิ่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใช้งานจนเกิดความร้อน แต่กลิ่นเหล่านี้ก็จะปะปนกับเครื่องทําควัน (Smoke) ในกรณีที่ให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาในร้าน ตนไม่ทราบ เพราะ เมื่อตนอยู่บนบูธดีเจก็จะมองไม่เห็นว่าใครเป็นใคร อายุเท่าไหร่ เนื่องจากแสงไฟร้านแยงตาตลอดเวลา

 

ทั้งนี้ สิทธิชัย ยังให้ข้อมูลว่า ลูกค้าของร้านส่วนมากจะมาจากร้านที่อยู่ในโซนนั่งชิลซึ่งจะปิดก่อน โดยผับแห่งนี้เปิดให้บริการถึงตี 2 แต่ตนไม่ทราบว่าเคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบหรือไม่

 

 

ด้าน ณัฏฐนิช พิกุลแก้ว ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุตนอยู่บริเวณขวามือหน้าเวที เห็นเกิดประกายไฟตรงบริเวณลำโพงที่แขวนอยู่ด้านซ้ายของเวที แต่ไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นเวลาใด จากนั้นได้มีคนตะโกนว่า “ไฟไหม้” ทุกคนจึงวิ่งหนีออกมาจากร้าน และวงดนตรีหยุดเล่นทันที

 

ณัฏฐนิช ประเมินด้วยสายตาว่ามีคนอยู่ภายในผับประมาณ 70-80 คน ทั้งนี้ ตนไม่เห็นป้ายบอกทางหนีไฟเลย เพราะไม่เคยสังเกต พอเกิดเหตุก็วิ่งหนีออกมาเลย โดยเพลิงลุกไหม้เร็วมากในเวลาไม่ถึง 10 วินาที สักพักไฟภายในผับก็ดับลง อากาศเหม็นไปด้วยกลิ่นของโฟมที่ถูกไฟไหม้ จากนั้นตนก็วิ่งไปจนถึงประตูทางออก แต่ประตูเปิดไม่ออก จนมีคนคนนึงทุบกระจกจนเลือดอาบมือ ทำให้หนีออกมาได้ และยืนยันว่า ประตูทั้ง 2 ชั้นของร้านเปิดไม่ออกเลยสักบาน และหลังจากออกมาจากร้านแล้ว ก็เกิดการระเบิดขึ้นอีกหลายครั้ง โดยครั้งสุดท้ายเป็นการระเบิดใหญ่ที่สุด เกิดขึ้นบริเวณหน้าประตูทางออก

 

ณัฏฐนิช เปิดเผยว่า พี่ชายเจ้าของวันเกิดที่ไปด้วยกัน ถูกไฟคลอก 95% เหลือเพียงบริเวณใบหน้าที่ไม่โดนไฟไหม้ ส่วนพ่อได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ และแผ่นหลังถูกไฟไหม้ โดยขณะนี้มีเพียงเทศบาลติดต่อเข้ามาให้ความช่วยเหลือแค่หน่วยงานเดียว