ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คุก1ปีรอลงอาญา2ปี ปรับ2เเสน'ธณิกานต์'ส.ส.พปชร. คดีเสียบบัตรแทนกัน เชือดดาบสองจริยธรรมร้ายแรง 16 สิงหานี้
เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2565 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์คณะผู้พิพากษา อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 19/2564 คดีที่อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (ถูกสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่)
กรณีเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2562 เวลากลางวัน จำเลยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่7(บางซื่อ–ดุสิต)กรุงเทพมหานคร โดยจำเลยลงชื่อเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญประจำปี ซึ่งมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. ... โดยไม่ได้ลาประชุม แต่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมระหว่างเวลาประมาณ 13.30 น. ถึง 15.00 น. โดยจำเลยฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติ ของจำเลยกับ ส.ส.รายอื่น หรือบัตรของจำเลยอยู่ในความครอบครองของ ส.ส.รายอื่นโดยความยินยอมของจำเลย เพื่อให้ส.ส.รายนั้นใช้บัตรของจำเลยกดปุ่มแสดงตนและลงมติแทนจำเลยในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. ... วาระที่ 1 เวลา 13.41 น. และวาระที่ 3 เวลา 14.01น. โดยมีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการออกเสียงลงคะแนนแทนกัน อันเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เป็นเหตุให้สภาผู้แทนราษฎร ปวงชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยรวมทั้งกระบวนการตรากฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 จำเลยให้การปฏิเสธ
องค์คณะผู้พิพากษาวินิจฉัยแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน และสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นองค์กรที่ทําหน้าที่นิติบัญญัติแล้ว แม้จะไม่ทำให้กระบวนการตรากฎหมายเสียไป การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และการที่จำเลย ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาร่างพ.ร.บ.ต่าง ๆ แต่กลับฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยกับส.ส.รายอื่น เพื่อให้ลงคะแนนแทนกันนั้น เป็นการปฏิบัติงานในหน้าที่ของตน เป็นช่องทางแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง ถือได้ว่าเป็นปฎิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแล้ว การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตด้วย