ไขข้อสงสัย ! 4 จุดบนรถยนต์ ที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าใช้งานอย่างไร ?

299 ครั้ง

03 ส.ค. 2565

แชร์ข่าวไปที่

คลายข้อสงสัย 4 จุดบนรถยนต์ ที่เห็นกันอยู่ทุกวัน แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าจุดเหล่านี้ มีการใช้งานอย่างไร ?

1. จุดไข่ปลาบนกระจก

จุดไข่ปลาบนกระจก หรือ Frit มีหน้าที่ในการกรองแสงจากภายนอก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่มีส่วนบังแดด จึงมักพบจุดไข่ปลาบริเวณขอบกระจก ตรงกลางคอนโซลหน้าหรือบริเวณกระจกหลัง เพื่อช่วยลดแสงภายนอกเข้ามาแยงสายตาหรือมองกระจกหลังได้อย่างสบายตามากขึ้น

ส่วนรอยบริเวณขอบกระจก นอกจากจะช่วงกรองแสงและลดความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้แล้ว ยังช่วยปกปิดรอยขอบกระจกที่ติดตั้งเข้ากับตัวรถด้วย

2. ตำแหน่งถังน้ำมันบนหน้าปัดเรือนไมล์

โดยปกติแล้วผู้ขับขี่ย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าฝาถังน้ำมันของรถตัวเองอยู่ฝั่งไหน เพื่อที่เวลาเข้าปั้มจะได้เข้าจอดถูกฝั่ง แต่บางคนต้องเปลี่ยนรถขับบ่อย ๆ หรือเพิ่งซื้อรถมาใหม่ ยังจำไม่ได้ว่าฝาถังน้ำมันอยู่ฝั่งไหน มีวิธีเช็กง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องก้าวขาลงจากรถ

รถยนต์ทุกคันจะมีสัญลักษณ์รูปปั้มน้ำมันบนหน้าปัดเรือนไมล์ ให้สังเกตเครื่องหมายลูกศรสามเหลี่ยมชี้ไปทางด้านใดด้านหนึ่ง นั่นหมายถึงตำแหน่งของฝาถังน้ำมันประจำรถยนต์ของเรานั่นเอง ถ้าปลายลูกศรชี้ไปด้านซ้าย แสดงว่าฝาถังอยู่ด้านซ้ายมือของคนขับ หรือถ้าปลายลูกศรชี้ไปด้านขวา แสดงว่าฝาถังอยู่ด้านขวามือของคนขับนั่นเอง

3. ฝาปิดเล็ก ๆ ที่กันชนหน้ารถ

หากใครเคยสังเกตบริเวณกันชนหน้ารถของรถบางรุ่นถึงต้องมีฝาปิดเล็ก ๆ อยู่ด้วย บางคันจะอยู่บริเวณไฟหน้า บางคันอาจจะอยู่บริเวณกันชนกระจังหน้า บ้างก็เป็นทรงกลม บ้างก็ทรงเหลี่ยม แท้จริงแล้วฝาปิดนี้เป็นช่องสำหรับเสียบ ‘หูลากจูง’ ซึ่งเป็นจุดที่ไว้ใช้ลากหรือยึดกับรถเทรลเลอร์ในกรณีรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุต่างๆ เช่น รถตกหล่ม ตกคูน้ำข้างทาง เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย รถสตาร์ทไม่ติด และฝาปิดก็ช่วยทำให้กลืนไปกับกันชนของตัวรถ

ทั้งนี้การลากจูงรถยนต์ก็ควรทำให้ถูกวิธี มิฉะนั้นอาจเกิดความเสียหายกับระบบขับเคลื่อนของรถยนต์ได้ โดยการลากจูงรถ รถนำลากควรขับช้า ๆ ด้วยความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม. และไม่ควรลากติดต่อกันเป็นระยะทางเกิน 30 กิโลเมตร หากเกินกว่านั้นควรจอดให้รถลากพักสักหน่อย หรือติดต่อใช้บริการรถยกรถสไลด์จะปลอดภัยกว่า

4. ลายเส้นบนกระจกหลัง

ลายเส้นที่ปรากฎบนกระจกหลังแท้จริงแล้วคือ เส้นลวดสำหรับไล่ฝ้าบนกระจกนั่นเอง ซึ่งมีการสอดลวดนำความร้อนที่แผ่นกระจกหลัง ทำงานร่วมกับปุ่มไล่ฝ้า โดยปล่อยกระแสไฟฟ้าให้วิ่งผ่านลวดทองแดงบนกระจกและนำความร้อนได้ถึง 55-60 องศา ทำให้ฝ้าจางหายไปได้

แต่ก็มีข้อควรระวังคือหลังจากใช้งานฟังก์ชันไล่ฝ้ากระจกหลังเสร็จทุกครั้ง อย่าลืมกดปุ่มปิดสวิตซ์ไล่ฝ้าทันที เพราะถ้าเปิดทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้กระจกร้าวหรือแตกได้ ส่วนสาเหตุที่มีแค่กระจกหลัง เพราะกระจกหน้าใช้วิธีการไล่ฝ้าด้วยการเป่าลมร้อนแทน

ติดตาม รายการ “แบไต๋ 7HD ไอทีและยานยนต์” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20-12.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35