logo เงินทองของจริง

สำรวจตัวเอง ! เข้าข่ายจ่ายหนี้บัตรเครดิตไม่ไหวหรือไม่?

เงินทองของจริง : หนี้เสียอย่างหนึ่งที่คนไทยเผชิญกันมากที่สุดคือหนี้จากบัตรเครดิต เพราะต้องยอมรับว่าบัตรเครดิตเป็นปัจจัยสำคัญ สำหรับหลาย ๆ ท่าน เพ เคน นครินทร์ วนกิจไพบูลย์,ทิน โชคกมลกิจ,เงินทองของจริง7HD,เงินทองของจริง,The standard,เรื่องเงิน,เรื่องทอง,CH7HDNEWS,TERODigital,ข่าวช่อง7,กด35,ch7hdnews,ช่อง7,ข่าวล่าสุด,เดอะ สแตนดาร์ด,เศรษฐกิจ,ช่อง7HD,CH7HDNEWS,หนุ่ม Money Coach,ปัญหาปากท้อง,ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ,วิทย์ สิทธิเวคิน

473 ครั้ง
|
31 ก.ค. 2565
หนี้เสียอย่างหนึ่งที่คนไทยเผชิญกันมากที่สุดคือหนี้จากบัตรเครดิต เพราะต้องยอมรับว่าบัตรเครดิตเป็นปัจจัยสำคัญ สำหรับหลาย ๆ ท่าน เพราะเป็นการใช้จ่ายที่ สะดวก ง่าย และรวดเร็วแล้ว จากเทรนด์การซื้อสินค้าออนไลน์ที่สูงขึ้น หลาย ๆ ครั้ง เราก็อดใจไม่ได้กับสินค้าที่ล่อตาล่อใจ กดซื้อผ่านวงเงินในบัตรจนลืมไปว่า เป็นการเอาเงินในอนาคตออกมาใช้และสิ่งที่ตามมาคือหนี้
 
สำหรับใครที่ถือบัตรเครดิตอยู่ ก่อนอื่นเรามาเช็คกันดีกว่า ว่าเรากำลังอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่กำลังจะเป็นหนี้บัตรเครดิตจนไม่สามารถจ่ายไหวหรือเปล่า
 
1. เริ่มมีการผ่อนชำระตามจำนวนยอดหนี้ขั้นต่ำของบัตรเครดิต
 
เมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ แสดงว่าเรากำลังขาดความสามารถในการชำระหนี้ได้เต็มจำนวนและเริ่มจ่ายหนี้ไม่ไหว ซึ่งการจ่ายขั้นต่ำนั้น แปลว่า เราต้องจ่ายดอกเบี้ยโดยไม่จำเป็น และกว่าจะจ่ายหนี้หมดต้องใช้เวลานานขึ้น
 
2. มีค่าใช้จ่ายจากบัตรเครดิตเกินกว่า 40% ของรายได้แต่ละเดือน
 
โดยปกติแล้วควรมีหนี้บัตรเครดิตไม่เกิน 10-20% ของเงินเดือน และควรเป็นการใช้จ่ายเพื่อความจำเป็น แต่หากจ่ายหนี้บัตรเครดิตสูงทะลุ 40% ต่อเดือน แสดงว่ากำลังขาดสภาพคล่องอย่างหนักและอาจไม่มีเงินเหลือพอไปจ่ายหนี้ที่จำเป็นในชีวิตในเรื่องอื่น เช่น กู้ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ หรือเพื่อการศึกษาบุตร เป็นต้น
 
3. มีบัตรเครดิตหลายใบและวงเงินเต็มเกือบทุกใบ
 
หลาย ๆ คน อาจมีบัตรเครดิตมากกว่า 2 ใบ และหากมีการใช้จ่ายจนเต็มวงเงินแทบทุกใบ แสดงว่ากำลังก่อหนี้สูงกว่ารายได้ที่หาได้ เพราะบัตรแต่ละใบมักจะให้วงเงินสูงกว่า 1.5-5 เท่าของเงินเดือน ยิ่งบัตรกดเงินสดมักจูงใจด้วยการให้วงเงินจำนวนสูง ๆ ดังนั้น ยิ่งใช้เงินผ่านการรูดบัตรจนเต็มวงเงิน ถือเป็นสัญญาณอันตรายต่อการเป็นหนี้ท่วมหัว
 
4. ไม่รู้ยอดค่าใช้จ่ายที่แน่นอนในแต่ละเดือน
 
ในยุคที่แผนการตลาดและโปรโมชั่นออกมาเพื่อดึงดูดลูกค้า ทำให้หลายคนขาดความระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยเฉพาะซื้อผ่านบัตรเครดิตเพราะคิดแค่ว่า “รูดไปก่อน ค่อยจ่ายทีหลัง” หรือ “สิ้นเดือนค่อยว่ากัน” หมายความว่ากำลังไม่รู้ภาระหนี้สินที่แน่นอนของตัวเองในแต่ละเดือน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการวางแผนในการใช้เงินในอนาคต ยิ่งมีรายได้มาจากแหล่งเดียวแต่มีพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างเมามัน ย่อมนำไปสู่การเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว
 
5. เงินไม่เหลือเก็บเพราะจ่ายหนี้บัตรเครดิตหมด
 
หากเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด เช่น เกิดอุบัติเหตุต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนหรือเกิดเจ็บป่วยต้องไปโรงพยาบาล แต่มีเงินเหลือติดบัญชีไม่กี่ร้อยบาท เพราะแต่ละเดือนนำเงินไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตจนหมด ทางออกคงต้องไปกู้ยืมเงินจากช่องทางอื่น หรือกดเงินสดจากบัตรเครดิตหรือบัตรเงินสด แย่ไปกว่านั้น คือการกู้หนี้นอกระบบ ผลที่ตามมาหนีไม่พ้นการเป็นหนี้ไม่มีที่สิ้นสุด
 
6. กดเงินสดจากบัตรเครดิตหรือบัตรเงินสดใบใหม่ เพื่อนำไปจ่ายหนี้บัตรใบเดิม
 
หากเริ่มมีปัญหาเรื่องการจ่ายหนี้บัตรเครดิต หลายคนมักแก้ปัญหาด้วยการสมัครบัตรใบใหม่เพื่อจะได้วงเงินก้อนใหม่ จากนั้นก็กดเงินสดเพื่อนำไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดใบเดิม อาการแบบนี้แสดงว่ากำลังเข้าข่ายการมีภาระเป็นหนี้สะสม และมีภาระดอกเบี้ยมหาศาลที่คิดคำนวณเป็นรายวัน และเกิดหนี้สินเพิ่มพูนจากดอกเบี้ยมหาโหดนี้
 
ติดตาม รายการ “เงินทองของจริง” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.05-9.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และ ติดตามการออกอากาศแบบสด ผ่านไลฟ์บนช่องทางออนไลน์ ทุกวันอังคาร เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป
 
 
ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/AwHdTo_hK5o